โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนฯ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาตและจำหน่ายเฮโรอีนฯ นั้น ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกฐานมียาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) ไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 กับเพิ่มโทษและริบเฮโรอีนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธแต่รับว่าเคยต้องโทษจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯมาตรา 66 ลงโทษในข้อหามีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีน จำคุก 5 ปี ข้อหาจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 97 เป็นจำคุก15 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า หลักฐานพยานโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง แต่ปรากฏว่าได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์200 ปีฯ มาตรา 4 ให้ถือว่าจำเลยมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดที่บรรยายมา จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 10 ปีโดยไม่มีการเพิ่มโทษนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์นั้นเพียงแต่แก้ไขคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้เพิ่มโทษจำเลยเป็นไม่เพิ่มโทษเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการแก้บทความผิดจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลยข้อหามีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนกระทงหนึ่ง จำคุก 5 ปี และข้อหาจำหน่ายโฮโรอีนอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏว่าฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย