โจทก์ฟ้องและขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ความว่า โจทก์เป็นบุตรจำเลยและพระพิภัชภูมิภาค จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของพระพิภัชภูมิภาคโจทก์มีความประสงค์จะให้จำเลยใส่ชื่อโจทก์ลงในโฉนดที่ดิน รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างที่ติดที่ดินซึ่งโจทก์มีส่วนได้ 2 ใน 7 ส่วน ตามพินัยกรรม หรือให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกขายที่ดิน 2 แปลงนี้เอาเงินมาแบ่งให้โจทก์ จำเลยบิดพลิ้ว ขอให้ศาลบังคับ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้ว สั่งว่า ฟ้องโจทก์เป็นอุทลุม กฎหมายห้ามให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1534 เป็นบทบัญญัติที่ตัดสิทธิฟ้องคดี จึงต้องแปลความโดยเคร่งครัด
คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะที่จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของพระพิภัชภูมิภาค ขอให้จำเลยจัดการตามพินัยกรรม ใส่ชื่อโจทก์ลงในโฉนดที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดก หรือขายที่ดินดังกล่าวเอาเงินแบ่งให้โจทก์ตามที่โจทก์มีส่วนได้ เห็นได้ว่าเป็นกรณีพิพาทระหว่างโจทก์กับกองมรดกของพระพิภัชภูมิภาค ซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกโจทก์หาได้ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวที่จำเลยเป็นมารดาโจทก์อันจะพึงถือว่าเป็นกรณีพิพาทระหว่างบุตรกับมารดาที่บุตรฟ้องมารดาไม่ฟ้องของโจทก์มิได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1534
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการในเรื่องที่โจทก์ขอดำเนินคดีอย่างอนาถาต่อไป