คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 12,294,515.95 บาท พร้อมดอกเบี้ย 1,321,660 บาท รวมเป็นเงิน 13,616,175.94 บาท ให้แก่โจทก์ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2555 หากผิดนัดยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากจำนวนเงินต้นที่ผิดนัดและให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเนื่องจากโจทก์ถอนฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีโดยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องที่จำเลยที่ 1 จะได้รับจากการบังคับชำระหนี้เอาจากบริษัทกู๊ดวิลล์ แลนด์ จำกัด รวมทั้งหลักประกันเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 55989 ถึง 55993 ที่บริษัทพี.ซี.แลนด์ จำกัด นำมาวางเป็นประกันหนี้ของบริษัทกู๊ดวิลล์ แลนด์ จำกัด ซึ่งจะต้องชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ.517/2557 ของศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ให้แก่โจทก์ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการอายัดสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายอายัดสิทธิเรียกร้องหรือมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าว ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้อายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าวตามคำร้องขอของโจทก์ ต่อมาวันที่ 20 มีนาคม 2562 โจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจากจำเลยที่ 1 ครบถ้วนแล้ว จึงขอยุติการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 และขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกเพิกถอนหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ
วันที่ 3 พฤษภาคม 2562 โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ตั้งเรื่องอายัดเงินที่จะได้จากการขายทอดตลาดที่ดิน 5 แปลงที่จำเลยที่ 1 นำยึดไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ.517/2557 ของศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อนำมาชำระหนี้และเจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งอนุญาตตามที่โจทก์ขอ ต่อมาจำเลยที่ 1 และบริษัทกู๊ดวิลล์ แลนด์ จำกัด ตกลงกันได้ เจ้าพนักงานบังคับคดีงดขายทอดตลาดที่ดินไว้ก่อนและจำเลยที่ 1 เสนอชำระหนี้ส่วนที่เหลือแก่โจทก์จนครบจำนวน ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถอนการยึดทรัพย์และถอนการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ.517/2557 ทำให้โจทก์ไม่อาจได้รับชำระหนี้จากการอายัดเงินที่จะได้จากการขายทอดตลาดและโจทก์ไม่อาจบังคับคดีโดยอาศัยสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ที่จะอายัดหรือยึดที่ดินทั้งห้าแปลงเพื่อขายทอดตลาดนำมาชำระหนี้แก่โจทก์ได้ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ไม่อาจดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ได้อีกต่อไป โจทก์ขอยุติการบังคับคดีโดยขอยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงในชั้นบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ยุติการบังคับคดี ส่วนคำขอยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมชั้นบังคับคดีให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ในเบื้องต้นว่า ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ โจทก์ขอให้บังคับคดีโดยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องที่จำเลยที่ 1 จะได้รับจากการบังคับชำระหนี้เอาจากบริษัทกู๊ดวิลล์ แลนด์ จำกัด และหลักประกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ.517/2557 ของศาลจังหวัดนนทบุรี ต่อมาจำเลยที่ 1 และบริษัทกู๊ดวิลล์ แลนด์ จำกัด ตกลงกันได้ จำเลยที่ 1 ขอถอนการยึดทรัพย์และถอนการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ.517/2557 ของศาลจังหวัดนนทบุรี โจทก์จึงขอยุติการบังคับคดี
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี กรณีอายัดเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นและเป็นผู้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ที่จะได้รับจากการบังคับชำระหนี้เอาจากบริษัทกู๊ดวิลล์ แลนด์ จำกัด และหลักประกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ.517/2557 ของศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ให้แก่โจทก์ และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการอายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าวของจำเลยที่ 1 แล้ว การอายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงเกิดจากการกระทำของโจทก์เอง เมื่อต่อมาจำเลยที่ 1 และบริษัทกู๊ดวิลล์ แลนด์ จำกัด ตกลงกันได้ จำเลยที่ 1 ขอถอนการยึดทรัพย์และถอนการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ.517/2557 ของศาลจังหวัดนนทบุรี โดยจำเลยที่ 1 เสนอชำระหนี้ตามคำพิพากษาส่วนที่เหลือแก่โจทก์จนครบถ้วนและโจทก์ตกลงตามข้อเสนอจำเลยที่ 1 หลังจากนั้น โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจากจำเลยที่ 1 ครบถ้วนแล้ว จึงขอยุติการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 และขอให้มีคำสั่งยกเลิกเพิกถอนหมายบังคับคดี ตามคำร้องลงวันที่ 20 มีนาคม 2562 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและแจ้งคำสั่งยกเลิกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ ย่อมมีผลให้การบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ดำเนินไปแล้วถูกเพิกถอนไปด้วยเหตุเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแจ้งเป็นหนังสือไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าตนสละสิทธิในการบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (6) อันเป็นการถอนการบังคับคดีนอกจากกรณีตามมาตรา 292 (1) และ (5) ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 169/2 วรรคสี่ บัญญัติให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ขออายัดเป็นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีกรณีอายัดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ