คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคน ๆ ละ ๒ ปีฐานลักทรัพย์ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ ๑ และนายคำรณยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยนายคำรณมาเป็นหลักประกันและแสดงหลักทรัพย์ สิบตำรวจเอกวิชัยรับรองหลักทรัพย์ของนายคำรณว่ามีอยู่จริง ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว หากผิดนัดปรับห้าหมื่นบาทต่อมานายคำรณผู้ทำสัญญาประกันไม่ส่งตัวจำเลยที่ ๑ ต่อศาลตามกำหนดนัดศาลสั่งปรับผู้ทำสัญญาประกันตามสัญญา บังคับภายใน ๑ เดือน ผู้ทำสัญญาประกันไม่ชำระค่าปรับตามคำบังคับศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีให้ยึดทรัพย์ของผู้ทำสัญญาประกัน ต่อมาได้มีการยึดทรัพย์ของผู้ทำสัญญาประกันทั้งตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและนอกจากบัญชีทรัพย์ดังกล่าวด้วยแต่ยังขายทอดตลาดไม่หมด ต่อมาศาลสั่งให้ทำการยึดทรัพย์ของสิบตำรวจเอกวิชัยผู้รับรองหลักทรัพย์ แต่ให้รอการขายไว้จนกว่าจะทำการขายทรัพย์ของผู้ทำสัญญาประกันเรียบร้อยแล้ว จึงให้ขายทรัพย์ของสิบตำรวจเอกวิชัยต่อไปเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาล สิบตำรวจเอกวิชัยยื่นคำร้องว่าศาลยังมิได้ออกคำสั่งปรับสิบตำรวจเอกวิชัย และทรัพย์คือที่ดินของผู้ทำสัญญาประกันที่ยึดไว้แล้วมีอีก ๓-๔ แปลง ยังไม่ทราบแน่นอนว่าจะได้เงินจากการขายทอดตลาดอีกเท่าใด ยังเหลือจำนวนที่สิบตำรวจเอกวิชัยจะต้องชำระอีกเท่าใด สิบตำรวจเอกวิชัยจึงไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลขอให้ระงับการยึดทรัพย์ของสิบตำรวจเอกวิชัยไว้จนกว่าจะทราบจำนวนเงินอันแน่นอน ศาลสั่งรวม ต่อมาศาลสั่งให้อายัดสิทธิเรียกร้องของสิบตำรวจเอกวิชัยอันมีต่อบุคคลภายนอก
สิบตำรวจเอกวิชัยผู้รับรองหลักทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องของตน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องที่มีต่อบุคคลภายนอกของสิบตำรวจเอกวิชัย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยที่ ๑ และนายคำรณยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวสิบตำรวจเอกวิชัยได้รับรองหลักทรัพย์ของนายคำรณไว้มีข้อความว่า ขอรับรองหลักทรัพย์ที่นายประกันเสนอมานี้มีจริง ถ้าไม่มีหรือไม่พอข้าพเจ้ายินยอมใช้ให้จนครบถ้วน หรือหากมีการบังคับคดีเอากับทรัพย์ ข้าพเจ้ายินยอมออกค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี คำรับรองเช่นนี้แสดงว่าสิบตำรวจเอกวิชัยยอมผูกพันตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันนายคำรณในอันที่จะชำระค่าปรับในเมื่อศาลสั่งปรับนายคำรณและทรัพย์สินของนายคำรณมีไม่พอชำระค่าปรับ ความรับผิดของสิบตำรวจเอกวิชัยย่อมตามหลังความรับผิดของนายคำรณ กล่าวคือเมื่อนายคำรณไม่สามารถชำระค่าปรับได้ครบถ้วน ขาดอยู่เท่าใดสิบตำรวจเอกวิชัยจะต้องรับผิดในจำนวนค่าปรับที่ยังขาดอยู่นั้น ตามกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นดำเนินมาตามลำดับยังไม่ทราบแน่นอนว่านายคำรณยังค้างค่าปรับอยู่เป็นจำนวนเท่าใด ทั้งศาลชั้นต้นก็ยังมิได้ออกคำบังคับให้สิบตำรวจเอกวิชัยผู้รับรองหลักทรัพย์ทราบว่าจะต้องชำระเงินค่าปรับเท่าใด ภายในกำหนดเวลาใด จะออกหมายบังคับคดีให้ยึดทรัพย์หรืออายัดสิทธิเรียกร้องของผู้รับรองหลักทรัพย์ไม่ได้ เพราะการออกหมายบังคับคดีจะต้องปรากฏว่าศาลได้ออกคำบังคับส่งให้แก่ผู้ค้ำประกันซึ่งตกเป็นลูกหนี้ตามคำสั่งศาลหรือผู้ค้ำประกันได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ และระยะเวลาที่ศาลได้กำหนดไว้เพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับนั้นได้ล่วงพ้นไปแล้ว (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๒, ๒๗๓, ๒๗๔, ๒๗๖) การที่ศาลชั้นต้นสั่งยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องของสิบตำรวจเอกวิชัยผู้รับรองหลักทรัพย์โดยมิได้ออกคำบังคับเสียก่อน จึงเป็นการมิชอบ
พิพากษายืน