กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์พร้อมทั้งขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยมีประกัน นางสาวสมทรงนำที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๙๘๗ มาทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ต่อศาล ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมิได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวขายทอดตลาดเป็นเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท
นางสาวสมทรงยื่นคำร้องว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอ้างเหตุหลายประการและขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด
เจ้าพนักงานบังคับคดีคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า การดำเนินการบังคับคดีรายนี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาด
เจ้าพนักงานบังคับคดีอุทธรณ์และฎีกา แต่ศาลฎีกาพิพากษายืนที่ให้ยกอุทธรณ์ เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
ผู้ร้องทั้งสามจึงยื่นคำร้องในขณะที่คดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีอยู่ในระหว่างฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวทำให้ผู้ร้องทั้งสามได้รับความเสียหาย ผู้ร้องที่ ๑ เป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๐ ผู้ร้องที่ ๑จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ร้องที่ ๒ และผู้ร้องที่ ๒ จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ร้องที่ ๓ ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นางสาวสมทรงผู้ค้ำประกันยื่นคำร้องลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๒๒ ขอให้ยกเลิกคำสั่งขายทอดตลาดที่ดินพิพาทศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้อง และผู้ค้ำประกันยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๗ สิงหาคม๒๕๒๒ ขอให้อายัดที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้ค้ำประกันทั้งสองฉบับรวมกันและได้ส่งสำเนาคำร้องกับแจ้งวันนัดให้ผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งนางสมบูรณ์ สิทธิหาญ ผู้ร้องที่ ๑ ต่อมาผู้ค้ำประกันยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขออายัดที่ดินพิพาท ถึงวันนัดไต่สวนคำร้องของผู้ค้ำประกันนางสมบูรณ์ สิทธิหาญ ผู้ร้องที่ ๑ ยื่นคำแถลงว่า ผู้ร้องที่ ๑ เป็นผู้ซื้อที่ดินรายพิพาทโดยชอบขอให้ยกคำร้องผู้ค้ำประกัน วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๒๒ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องที่ ๑ รับหมายนัดไต่สวนของศาลในเรื่องนี้ ผู้ร้องที่ ๑จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องที่ ๒ และผู้ร้องที่ ๒ จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ร้องที่ ๓ เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๒๒ วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๒๓ ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท นายวิชัย สมสวัสดิ์ เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดลำปางยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน นายวิชัยฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนี้ ผู้ร้องที่ ๑ ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๐ ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลยกเลิกการขายทอดตลาดโดยอ้างว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบเพราะไม่ได้แจ้งการขายทอดตลาดให้ผู้ค้ำประกันและจำเลยทราบโดยชอบ และการบังคับคดีได้เสร็จลงตามมาตรา ๒๙๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในการไต่สวนคำร้องของผู้ค้ำประกันศาลส่งสำเนาคำร้องและวันนัดไต่สวนให้ผู้ร้องที่ ๑ ทราบแล้ว ผู้ร้องที่ ๑ ได้ยื่นคำแถลงคัดค้านเข้ามาในการไต่สวนคำร้องด้วย ผู้ร้องที่ ๑ เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะยื่นคำร้องและขอสืบพยานในชั้นนั้นได้แต่ผู้ร้องที่ ๑ มิได้กระทำ เมื่อศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ผู้ร้องที่ ๑ ก็มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวทั้ง ๆ ที่ผู้ร้องที่ ๑ มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ ก็ต้องถือว่าคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องที่ ๑จึงต้องผูกพันในผลแห่งคำสั่งศาลที่ว่าการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไม่ชอบเมื่อการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไม่ชอบผู้ร้องที่ ๑ ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ผู้ร้องที่ ๒ ที่ ๓ เป็นผู้รับซื้อที่ดินพิพาทมาจากผู้ร้องที่ ๑ย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้ร้องที่ ๑ ผู้โอน จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ด้วยเช่นกัน ศาลล่างทั้งสองสั่งยกคำร้องผู้ร้องทั้งสาม ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาผู้ร้องทั้งสามฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน