โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2547 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยกับพวกที่หลบหนีและนางดวงพร สินทรัพย์สมบูรณ์ กับพวกรวม 4 คน จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4322/2547 ของศาลชั้นต้น ร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ อันเป็นการพนันตามบัญชี ข. อันดับที่ 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยถือเอาเลขท้ายสองตัวสามตัวของรางวัลที่ 1 และเลขท้ายสองตัวสามตัวของรางวัลเลขท้ายสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2547 เป็นเกณฑ์แพ้ชนะกัน โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ เหตุเกิดที่แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร คดีนี้มีผู้ประสงค์เงินสินบนนำจับนำเจ้าพนักงานจับกุมจำเลยพร้อมยึดได้โพยสลากกินรวบ 114 แผ่น และโพยที่ถูกทำลาย 8 แผ่น รวม 122 แผ่น คิดเป็นเงิน 235,470 บาท เครื่องโทรสารยี่ห้อชาร์ป 1 เครื่อง สมุดฉีก 5 เล่ม ปากกา 10 ด้าม เครื่องคิดเลขยี่ห้อคาซิโอ 1 เครื่อง แม็กเย็บกระดาษ 1 ตัว และเงินสด 23,250 บาท อันเป็นสินพนันและเครื่องมือในการเล่นการพนันซึ่งจับได้ในวงการเล่นเป็นของกลาง ของกลางศาลชั้นต้นสั่งริบแล้ว ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 12, 15 และจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 12 (ที่ถูก มาตรา 12 (1)), 15 (ที่ถูก ไม่ต้องปรับบทมาตรา 15) จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน (ที่ถูก ต้องยกคำขอจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายประการแรกว่า คดีนี้เหตุเกิดในท้องที่แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร โจทก์ต้องฟ้องจำเลยที่ศาลแขวงตลิ่งชันนั้น เห็นว่า แม้คดีนี้เหตุเกิดในท้องที่แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร แต่ตามบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์ระบุว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียนเป็นผู้สอบสวน จำเลยมิได้โต้แย้งว่าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียนไม่มีอำนาจสอบสวน ดังนั้น ความผิดที่เกิดขึ้นจะฟ้องที่ศาลซึ่งท้องที่ที่สอบสวนอยู่ในเขตอำนาจก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 (1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 เมื่อสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียนอยู่ในเขตอำนาจศาลแขวงธนบุรี โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยที่ศาลแขวงธนบุรีได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายประการต่อไปว่า ฟ้องโจทก์มิได้ระบุว่านางดวงพร สินทรัพย์สมบูรณ์ กับพวก เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้หรือผู้เล่น และโพยของกลางเป็นของนางดวงพรกับพวกจำนวนเท่าใด จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องด้วยวาจา ซึ่งตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 19 ให้ศาลบันทึกใจความแห่งฟ้องไว้เป็นหลักฐาน หาจำต้องบันทึกโดยละเอียดไม่ และก่อนบันทึกฟ้องศาลอาจจะสอบถามโจทก์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่จำเลยกระทำความผิดได้แต่ก็จะบันทึกไว้เฉพาะข้อความสำคัญ ส่วนบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟ้องด้วยวาจาของโจทก์เท่านั้น เมื่อพิจารณาใจความที่ศาลบันทึกการฟ้องด้วยวาจาประกอบกับบันทึกการฟ้องด้วยวาจาที่โจทก์ส่งต่อศาลแล้วได้ความว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2547 จำเลยกับพวกที่หลบหนีและนางดวงพรกับพวกรวม 4 คน ร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นการพนันตามบัญชี ข. อันดับที่ 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ เป็นการกล่าวถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนที่นางดวงพรกับพวกเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้หรือผู้เล่น และโพยของกลางเป็นของนางดวงพรกับพวกจำนวนเท่าใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณา หากจำเลยให้การปฏิเสธ ทั้งคดีนี้จำเลยก็ให้การรับสารภาพตามฟ้องของโจทก์โดยมิได้หลงข้อต่อสู้แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาประการต่อไปว่า จำเลยมิใช่เจ้ามือรับกินรับใช้นั้น เห็นว่า จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งขัดกับคำรับสารภาพของจำเลย และเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาประการสุดท้าย ขอให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมโพยสลากกินรวบ 122 แผ่น คิดเป็นเงิน 235,470 บาท และเงินสด 23,250 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินค่อนข้างสูง พฤติการณ์บ่งบอกว่าจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบรายใหญ่ การกระทำของจำเลยกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและความสงบสุขของครอบครัว ทั้งยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมร้ายแรงอื่นตามมาอีกมากมาย พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแม้จำเลยจะกระทำความผิดเพื่อหาเงินเลี้ยงดูบุตรและไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน"
พิพากษายืน