คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาพร้อมออกคำบังคับให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 81677 และบ้านเลขที่ 17/41 บนที่ดินโฉนดดังกล่าวที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสุภาพ โอนให้แก่จำเลย ให้จำเลยดำเนินการจดทะเบียนเพิกถอนด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลย หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุดโดยคู่ความมิได้รับอนุญาตให้ฎีกา แต่จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งสามขอให้ออกคำบังคับ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับตามคำขอของโจทก์เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 โดยมีข้อความว่า "ให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 81677 และบ้านเลขที่ 17/41 ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าวที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสุภาพ โอนให้แก่จำเลย ให้จำเลยดำเนินการด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยตามที่โจทก์ทั้งสามตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนเพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นเงินจำนวน 296,680 บาท หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก..."
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นว่าเป็นการออกคำบังคับที่ไม่ถูกต้องเพราะไม่ตรงตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า หากจำเลยเห็นว่าศาลชั้นต้นออกคำบังคับโดยมิชอบ ประกอบกับศาลออกคำบังคับตามคำร้องของโจทก์ทั้งสาม หากจำเลยเห็นว่าคำบังคับดังกล่าวไม่ถูกต้อง จำเลยควรยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว หากศาลชั้นต้นมีคำสั่งอย่างใดและจำเลยไม่เห็นชอบด้วย จำเลยจึงจะมีสิทธิในการยื่นอุทธรณ์คำสั่ง การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งโดยมิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำบังคับที่จำเลยกล่าวอ้างว่าศาลออกโดยมิชอบ ถือได้ว่าเป็นการยื่นอุทธรณ์ที่มิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของจำเลยก่อน จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง
วันที่ 20 สิงหาคม 2562 โจทก์ทั้งสามยื่นคำขอให้ออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2562 โดยในหมายบังคับคดีมีข้อความว่า "ให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 81677 และบ้านเลขที่ 17/41 ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าว ที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสุภาพ โอนให้แก่จำเลย ให้จำเลยดำเนินการจดทะเบียนด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยตามที่โจทก์ทั้งสามตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนเพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 296,680 บาท หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก..."
วันที่ 30 สิงหาคม 2562 จำเลยยื่นคำร้องว่า ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้จำเลยต้องวางเงินค่าใช้จ่าย 296,680 บาท การที่ศาลชั้นต้นออกคำบังคับฉบับลงวันที่ 9 เมษายน 2562 ให้จำเลยชำระเงิน 296,680 บาท เป็นการออกคำบังคับที่ไม่เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คำบังคับดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยได้อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งออกคำบังคับไว้แล้ว ถือว่าคำบังคับยังไม่มีผลทางกฎหมายจนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือคำสั่งถึงที่สุด จึงไม่มีเหตุที่โจทก์ทั้งสามจะขอให้ออกหมายบังคับคดี ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีฉบับลงวันที่ 21 สิงหาคม 2562
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนหมายบังคับคดีฉบับลงวันที่ 21 สิงหาคม 2562 และเพิกถอนคำบังคับฉบับลงวันที่ 9 เมษายน 2562 และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276 วรรคหนึ่ง ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสามฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีเหตุเพิกถอนหมายบังคับคดีหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุด พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 81677 และบ้านเลขที่ 17/41 บนที่ดินโฉนดดังกล่าวที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสุภาพ โอนให้แก่จำเลย ให้จำเลยดำเนินการจดทะเบียนเพิกถอนการโอนด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลย หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก กับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์สั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ ดังนี้ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์ก็สามารถดำเนินการโดยใช้คำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 357 โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อดำเนินการบังคับคดี และที่ศาลพิพากษาให้จำเลยดำเนินการจดทะเบียนเพิกถอนการโอนด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยนั้น ก็มิใช่การพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าใช้จ่ายการจดทะเบียนแก่โจทก์ทั้งสามโดยตรง โจทก์ทั้งสามจึงยังมิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในส่วนหนี้ค่าใช้จ่ายนี้ หากจำเลยไม่ได้จ่ายค่าใช้จ่าย ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ทั้งสามที่จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายการจดทะเบียนเพิกถอนการโอนไปก่อน แล้วค่าใช้จ่ายที่โจทก์ทั้งสามได้จ่ายไปนี้ย่อมถือเป็นหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์ทั้งสามจะบังคับคดีต่อไปตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 352 วรรคห้า มาตรา 358 วรรคสอง และมาตรา 359 วรรคสี่ เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสามได้ชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจดทะเบียนเพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 81677 และบ้านเลขที่ 17/41 บนที่ดินโฉนดดังกล่าวตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดอายัดทรัพย์ของจำเลยบังคับคดีนำเงินมาชำระแก่โจทก์ทั้งสามเป็นค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนเพิกถอนการโอนที่ดินและบ้านตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิกถอนหมายบังคับคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งสามฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ