โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับมอบเงิน 1,000 บาทจากนายสีเพื่อให้จำเลยนำไปชำระหนี้แก่นายจันทร์เป็นค่ากระบือที่นายสีซื้อมาจากนายจันทร์ จำเลยทุจริตเบียดบังเอาเงิน 1,000 บาทไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยได้รับฝากเงิน 1,000 บาทจากนายสีเพื่อเอาไปชำระหนี้แก่นายจันทร์จริง จำเลยได้ไปบอกนายจันทร์ว่า นายสีฝากเงินค่ากระบือมาแล้วแต่จำเลยเอาไปใช้เสีย 600 บาท เหลือเพียง 400 บาทไม่ต้องไปเรียกร้องเอาจากนายสีอีก นายจันทร์ไม่ยอมตกลงเองต่างหาก และเมื่อนายสีมาถามจำเลยก็บอกตามตรงว่าเงินใช้หมดแล้วยังไม่ได้เอาไปให้นายจันทร์ ดังนี้แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 315 ให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 1 ปี และให้คืนเงิน 1,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยฎีกาคัดค้านว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตคิดยักยอกทรัพย์เพราะคดีได้ความชัดว่าจำเลยเอาเงินไปใช้เสียโดยตั้งใจจะใช้คืนให้ในภายหลัง ไม่ได้ตั้งใจจะโกง จึงไม่ควรเป็นผิด
ศาลฎีกาเห็นว่าในเรื่องเจตนาทุจริตหรือไม่เป็นเรื่องในใจของจำเลย ศาลไม่อาจหยังล่วงรู้ความในใจอันแท้จริงได้นอกจากจะอนุโลมโดยอาศัยเหตุผลทั่ว ๆ ไปตามที่ปรากฏในท้องสำนวน
จำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องนำเงิน 1,000 บาทไปให้แก่นายจันทร์ตามที่ได้รับมอบหมาย แต่เอาไปใช้เสียแสดงอยู่แล้วว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย จำเลยจำเป็นจะต้องแสดงความบริสุทธิ์ให้ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้มีเจตนาทุจริตเพราะเหตุผลประการใดจำเลยกลับปฏิเสธและนำสืบฐานที่อยู่ ไม่ได้แสดงความสุจริตใจประการใดเลย คงมีแต่คำพยานโจทก์ว่าจำเลยไปบอกแก่นายจันทร์ว่า นายสีฝากเงินมาแต่จำเลยเอาไปใช้เสีย 600 บาทคงเหลือ 400 บาทไม่ต้องไปทวงจากนายสีอีก เป็นเชิงขอเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จากนายสีมาเป็นจำเลยเสียเพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตเพราะจำเลยอยู่แล้วว่าจำต้องเอาไปมอบให้แก่นายจันทร์มิใช่ประสงค์จะให้จำเลยเอาไปใช้สอยทางอื่น หากเป็นการสุจริตจำเลยก็จะต้องมีเงินอื่นอยู่พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่รับมอบหมายมานั้นได้ ไม่ใช่ว่าเงินไม่มีเลย แต่ยังขืนเอาของเขาใช้เสียโดยนึกคิดเอาเองตามใจของตนว่านายจันทร์คงยินยอมให้เปลี่ยนตัวลูกหนี้ได้ แล้วค่อยหาเงินใช้เขาในภายหลังซึ่งเป็นความหวังอันเลื่อนลอยไม่มีเหตุผล พฤติการณ์เช่นนี้จึงแสดงว่าจำเลยเอาเงินรายนี้ไปใช้โดยมีเจตนาทุจริต การที่จำเลยไปบอกแก่นายจันทร์ตามตรงนั้นอย่างมากก็เป็นเรื่องกระทำผิดไปแล้ว ไปสารภาพผิดเท่านั้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย