โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,90, 289(6)(7), 297, 339, 340 ตรี พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 13 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายจำนวน 10,000 บาทจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6)(7), 80, 397, 339 วรรคสี่ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้วางโทษตามมาตรา 289(6)(7), 80 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุกตลอดชีวิต คำรับชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนตลอดจนการนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 10,000 บาท แก่ฝ่ายผู้เสียหายด้วยโจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่ลดโทษ หากลดโทษก็ไม่ควรเกินหนึ่งในห้าจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องโดยไม่ลดโทษ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พยานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงมีเหตุผลสอดคล้องต้องกันฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายนั้นเป็นเจตนาฆ่ามิใช่เจตนาทำร้าย จำเลยจึงไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 การที่จำเลยยิงผู้เสียหายเป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 289(6), 80 แต่มิใช่ (7)ซึ่งเป็นการฆ่าเพราะได้กระทำความผิดอื่นมาแล้ว จำเลยจึงไม่ผิดตามอนุมาตรานี้ ส่วนปัญหาว่าควรลดโทษให้แก่จำเลยหรือไม่เพียงใดนั้น เห็นว่าจำเลยให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ควรลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน"
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289(6), 80, 339 วรรคสี่, 340 ตรี แต่การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289(6), 80 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือนให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 10,000 บาท แก่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้เสียหายด้วย