คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 17, 92 จำคุก 1 ปี และปรับ 120,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 60,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง จ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ สำเนาให้จำเลยแก้
จำเลยยื่นคำแก้อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำแก้อุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้นายสมนึก เป็นผู้รับมอบอำนาจ ทำคำแก้อุทธรณ์ในคดีนี้ และนายสมนึกได้ทำคำแก้อุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 5 ตุลาคม 2563 โดยนายสมนึกลงชื่อเป็นผู้แก้อุทธรณ์ ผู้เรียง และผู้พิมพ์คำแก้อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลตรวจสำนวนแล้วไม่ปรากฏใบแต่งทนายความของผู้รับมอบอำนาจของจำเลยจึงไม่มีอำนาจทำคำแก้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 33 และมิใช่กรณีการมอบอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 จึงไม่รับคำแก้อุทธรณ์ของจำเลย จำเลยอุทธรณ์โดยนายสมนึกลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์ ผู้เรียง และผู้พิมพ์อุทธรณ์ในฐานะผู้รับมอบอำนาจของจำเลย ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะทำหนังสือมอบอำนาจให้นายสมนึกมีอำนาจในการอุทธรณ์ได้ แต่นายสมนึกไม่ใช่คู่ความตามความหมายที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (15) บัญญัติไว้ และเมื่อไม่ปรากฏว่านายสมนึกจดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความหรือเป็นข้าราชการผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่หรือมีอำนาจหน้าที่กระทำได้โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความหรือกฎหมายอื่นตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 33 ย่อมไม่อาจแต่งฟ้องอุทธรณ์ได้ การที่นายสมนึกลงชื่อเป็นผู้เรียงในอุทธรณ์ของจำเลย ซึ่งมีความหมายว่าเป็นผู้แต่งอุทธรณ์คำสั่งตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงไม่ชอบ และการที่จำเลยโดยผู้รับมอบอำนาจจำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งโดยนายสมนึกผู้รับมอบอำนาจจำเลยยังคงลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์ ผู้เรียงเช่นเดียวกับคำแก้อุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 5 ตุลาคม 2563 อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่มิชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่รับวินิจฉัย ให้ยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย จำเลยฎีกาโดยนายสมนึกผู้รับมอบอำนาจของจำเลยได้แต่งตั้งตนเองเป็นทนายความ แล้วแต่งฎีกาและลงชื่อเป็นผู้ฎีกา ผู้เรียง และผู้พิมพ์ฎีกา เป็นฎีกาฉบับที่จะได้วินิจฉัยต่อไปนี้
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุให้รับคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า มูลเหตุที่ศาลชั้นต้นไม่รับคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยและศาลอุทธรณ์ภาค 9 ยกอุทธรณ์ของจำเลย เนื่องจากนายสมนึกขณะทำคำแก้อุทธรณ์และอุทธรณ์ไม่ปรากฏว่าเป็นทนายความ จึงต้องห้ามมิให้เป็นผู้เรียงคำแก้อุทธรณ์และอุทธรณ์ ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 33 คำแก้อุทธรณ์และอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นคำคู่ความและคำฟ้องอุทธรณ์ตามลำดับที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายในส่วนที่เป็นรูปแบบซึ่งสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ ในส่วนคำแก้อุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้จำเลยแก้ไขคำแก้อุทธรณ์ให้ถูกต้องเสียก่อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ในส่วนอุทธรณ์เมื่อจำเลยอุทธรณ์โดยนายสมนึกผู้รับมอบอำนาจจำเลยลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์ ผู้เรียง และผู้พิมพ์ เช่นเดียวกันกับคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับไปแล้ว คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (7) ประกอบมาตรา 215 ถือเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215 ให้อำนาจแก่ศาลที่จะสั่งให้จำเลยแก้ฟ้องอุทธรณ์ให้ถูกต้องได้ แต่ศาลชั้นต้นกลับสั่งรับฟ้องอุทธรณ์ของจำเลย จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ชอบที่จะเพิกถอนการรับฟ้องอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาใหม่ หรือศาลอุทธรณ์ภาค 9 ดำเนินการเสียเองให้จำเลยแก้ไขให้ถูกต้องก่อนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ยกฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยเสียทีเดียว จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงปรากฏในชั้นฎีกาว่า จำเลยโดยนายสมนึกผู้รับมอบอำนาจได้ยื่นใบแต่งทนายความแต่งตั้งนายสมนึกให้ใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาได้แล้ว อันไม่จำต้องดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 และคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำแก้อุทธรณ์ของจำเลย ให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำแก้อุทธรณ์ของจำเลย แล้วส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิจารณาอุทธรณ์โจทก์ต่อไป