คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ทายาทผู้รับมรดกของนายสมซึ่งถึงแก่ความตาย ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินที่นายสมทำไว้แก่โจทก์ เพื่อประกันหนี้เงินกู้ โดยมีจำเลยที่ 5 ที่ 6 เป็นผู้ค้ำประกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งหกชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ คดีถึงที่สุด แต่จำเลยทั้งหกไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงได้นำเจ้าพนักงานทำการยึดที่ดินที่นายสมจำนองแก่โจทก์ไว้เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษา
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์อ้างว่า ที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดไม่ใช่เป็นนายสม แต่เป็นของผู้ร้องซึ่งได้ซื้อมาจากนายสม ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยการยึด
โจทก์คัดค้านว่า นายสมได้ทำหนังสือสัญญาจำนองที่ดินไว้แก่โจทก์ มิได้ทำการไถ่ถอนจำนองจนกระทั่งถึงแก่ความตายไปโจทก์ไม่ทราบมาก่อนว่านายสมได้นำที่ดินแปลงนี้ไปขายให้แก่ผู้ร้องขัดทรัพย์ หากเป็นจริงก็เป็นเรื่องสมคบกับเจ้าหน้าที่ทำการทุจริตเพื่อฉ้อโกงโจทก์ ถึงกระนั้นหามีผลให้โจทก์ต้องเสียสิทธิในที่ดินแปลงพิพาทในฐานะผู้รับจำนองและเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิแต่อย่างใดไม่ ขอให้ศาลสั่งยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่เป็นมรดกของนายสมโจทก์ไม่มีสิทธินำยึดทรัพย์บุคคลนอกคดี หากโจทก์ถือว่ามีสิทธิจำนองเหนือที่พิพาทก็ชอบจะว่ากล่าวตามกฎหมายลักษณะจำนอง มีคำสั่งให้ปล่อยที่พิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าทรัพย์รายพิพาทที่โจทก์นำยึดเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษานี้ โจทก์มีทรัพย์สิทธิในฐานะเป็นผู้รับจำนองไว้จากนายสม เจ้าของเดิมก็ตาม แต่ขณะก่อนโจทก์นำยึดนั้นปรากฏว่านายสมได้ขายและโอนสิทธิครอบครองให้แก่ผู้ร้องไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองในทรัพย์รายพิพาทจึงเป็นบุคคลภายนอกคดี และไม่ได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ในคดีนี้ ฉะนั้น ถ้าหากโจทก์ประสงค์จะยึดทรัพย์รายพิพาท ก็ชอบที่โจทก์จะบอกกล่าวบังคับจำนองเอาแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนตามนัยของมาตรา 735 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นเสียก่อน เมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนทรัพย์รายพิพาทไม่ทำการไถ่ถอน และศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้วโจทก์จึงมีสิทธิยึดทรัพย์รายพิพาทขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามสัญญาจำนองแก่โจทก์ได้
พิพากษายืน