ได้ความว่าจำเลยใช้ตู้สูงเลยศีร์ษะมีหน้าปัดมีเข็มตรงกลางหน้าปัด รอบหน้าปัดมีเป็นวงกลม ๒ ชั้น มีเลขกำกับที่ขีด ๑,๕๐,๑๐๐,๑๕๐,๒๐๐, เป็นลำดังไปจนถึง ๑๒๐๐ รวมหลักร้อย ๑๒ หลัก ที่หลักร้อยมีเส้นขีดดำใหญ่ทุกหลัก จำเลยได้นำตู้ดังกล่าวนี้ออกแสดงแก่ประชาชน วิธีเล่นคือผู้เล่นหยอดสตางค์ ๑ สตางค์ลงไปในตู้แล้วต่อยหรือผลักลูกบอลให้กระทบหน้าปัด เข็มก็หมุนไป ถ้าเข็มไปหยุดตรงขีดร้อยขีดใดขีดหนึ่ง จำเลยก็เปิดน้ำเล็มโมเน็ตให้ขวดหนึ่งส่วนสตางค์นั้นไม่ให้คืน ถ้าเข็มไม่หยุดตรงขีดร้อยขีดใดขีดหนึ่ง ผู้เล่นก็เสียสตางค์เปล่า โดยไม่ได้ของตอบแทนแต่อย่างใดเลย โจทก์เห็นว่าเป็นการพะนันไม้หมุน จึงขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.การพะนัน ม.๑๐-๑๒-๑๕
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการเล่นมีลักษณคล้ายคลึงกับการเล่นไม้หมุนตาม ม.๔ จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๒
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยต่างกับการเล่นพะนันไม้หมุน เพราะการกระทำของจำเลยไม่มีวิธีเลือกแทง ถ้าต่อยไม่ตรงเข็มไม่หมุนถึงหลักร้อยก็เสียสตางค์เปล่าและการเล่นในคดีนี้จำกัดเพียงสตางค์เดียวกับว่าการเล่นไม้หมุนไม่ต้องออกกำลังกาย แต่การเล่นนี้ต้องออกกำลังต่อยลูกบอล จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าหลัก ๑๐๐ ในเครื่องเล่นรายนี้มีหลายหลักด้วยกัน หาใช่หลัก ๑๐๐ แต่หลักเดียวไม่ ผู้แทง ๆ หลัก ๑๐๐ ถ้าเข็มไปหยุดที่หลัก ๑๐๐ หลักใดหลักหนึ่งผู้เล่นก็ถูกลักษณเดียวกับไม้หมุน ซึ่งมีสีแลตัวเลข ส่วนการแทงมากหรือน้อยไม่สำคัญ แลเห็นว่าการต่อยลูกบอลนั้นจะผลัดไปก็ได้สุดแต่ให้เข็มหมุน เห็นว่าการเล่นของจำเลยเข้าลักษณคล้ายไม้หมุน เป็นผิดตาม ม.๑๒(๑) แห่ง พ.ร.บ.การพะนัน จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น