ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขู่เรียกเงินโดยอ้างภัยอันตรายถึงชีวิต ถือเป็นความผิดฐานกรรโชกสำเร็จรูป แม้ผู้เสียหายจะวางแผนจับกุม
จำเลยบอกผู้เสียหายว่ามีคนจ้างจำเลยฆ่าผู้เสียหาย แต่ไม่บอกชื่อคนจ้าง พร้อมกันนั้นจำเลยขอเงินผู้เสียหาย ถ้าหากไม่ให้ก็จะไม่รับรองความปลอดภัย ผู้เสียหายตกลงยอมให้และนัดมาเอาเงินในวันรุ่งขึ้น คำพูดของจำเลยดังกล่าวเป็นการข่มขู่ผู้เสียหายให้ยอมให้หรือยอมจะให้เงินแก่จำเลย อันเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายครบองค์ประกอบความผิดฐานกรรโชกแล้วแม้จะใช้คำว่า 'ขอ' และ 'เพื่อบอกชื่อผู้ที่จ้างฆ่า' ก็เป็นเพียงเหตุผลประกอบการข่มขู่เท่านั้น หาทำให้การข่มขู่นั้นกลายเป็นการเรียกร้องเงินเพื่อตอบแทนการบอกชื่อผู้ว่าจ้างฆ่าผู้เสียหายไม่ มาตรา 192 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติว่า ข้อแตกต่างเกี่ยวกับเวลาเป็นข้อแตกต่างในรายละเอียด จำเลยยอมรับว่าตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้ไปขอเงินผู้เสียหายและผู้เสียหายยอมตกลงจะให้เงินจำเลยจริงเพียงแต่จำเลยอ้างว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด จำเลยจึงมิได้หลงต่อสู้ในเรื่องเวลาดังนั้น แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดเวลากลางวัน แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเหตุเกิดเวลากลางคืน ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ จำเลยข่มขืนใจโดยการข่มขู่จนผู้เสียหายยอมจะให้เงินแก่จำเลยและนัดมารับเงินในวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่าการกรรโชกได้สำเร็จแล้วแม้ผู้เสียหายจะยินยอมเพื่อต้องการรู้ตัวผู้จ้างจำเลยและได้นำเจ้าหน้าที่มาคอยจับจำเลยเมื่อมารับเงินในวันรุ่งขึ้น ก็หาทำให้เป็นความผิดฐานพยายามไม่ โจทก์มิได้ฎีกาขอเพิ่มโทษจำเลย ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามิได้ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย แต่ศาลฎีกาวางบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้