คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 57, 66 วรรคสอง, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 8 ปี และปรับ 450,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและให้ใช้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นจำคุก 12 ปี และปรับ 675,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน เป็นจำคุก 9 เดือน เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและให้ใช้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 8 เดือน รวมจำคุก 12 ปี 17 เดือน และปรับ 675,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน 15 วัน และปรับ 337,500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังไม่เกิน 1 ปี ริบเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืน และกระเป๋าสะพายเขียวสลับน้ำตาล ของกลาง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้กำหนดโทษใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1)
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำหนดโทษจำเลยเสียใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) เป็นว่า เพิ่มโทษกระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นจำคุก 10 ปี 8 เดือน และปรับ 600,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน เป็นจำคุก 8 เดือน รวมจำคุก 10 ปี 16 เดือน และปรับ 600,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 8 เดือน และปรับ 300,000 บาท หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เมื่อประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลใช้บังคับแล้ว ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายยังคงมีการบัญญัติไว้เป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามมาตรา 90 มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 145 วรรคหนึ่ง ระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งล้านห้าแสนบาท ส่วนความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนยังคงมีการบัญญัติไว้เป็นความผิดตามมาตรา 104 มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 162 ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลลงโทษจำคุกจำเลย 8 ปี และปรับ 450,000 บาท ก่อนเพิ่มโทษและลดโทษ ส่วนความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ศาลลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ก่อนเพิ่มโทษและลดโทษ โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่หนักกว่าโทษตามบทบัญญัติกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) ที่ศาลต้องกำหนดโทษเสียใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษจำเลยใหม่อีกครั้งโดยเห็นว่าโทษจำคุก 8 ปี และปรับ 450,000 บาท เป็นการกำหนดโทษที่สูงเกินไป ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้คำพิพากษากำหนดโทษความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 เดือน 15 วัน ซึ่งมีโทษตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 104, 162 ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กำหนดโทษจำคุก 8 ปี และปรับ 450,500 บาท ซึ่งมีโทษตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพื่อการค้าตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคสอง (1) ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสองล้านบาท ดังนั้น โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาในความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจึงไม่หนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง กรณีไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดโทษให้จำเลยใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ปรับบทและกำหนดโทษใหม่ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคหนึ่ง นั้น เห็นว่า เมทแอมเฟตามีน 186 เม็ดของกลาง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 3.402 กรัม นับเป็นปริมาณค่อนข้างมาก อีกทั้งโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งจำเลยก็ให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามฟ้องจึงเป็นการมีไว้เพื่อการค้า ต้องปรับบทความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพื่อการค้า ตามมาตรา 145 วรรคสอง (1) หาใช่มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ดังที่จำเลยกล่าวอ้างในอุทธรณ์ไม่ เห็นว่า หลักการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีใดแล้ว คู่ความฝ่ายที่ไม่พอใจหรือไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น คู่ความฝ่ายนั้นย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์และฎีกาได้ตามที่กฎหมายบัญญัติ เว้นแต่ถูกจำกัดสิทธิตามบทบัญญัติของกฎหมาย และการพิจารณาคดีนี้ในชั้นอุทธรณ์ต้องเป็นไปดังที่บัญญัติไว้ในภาค 4 ลักษณะ 1 อุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3 ดังนั้น การที่จำเลยอุทธรณ์เฉพาะขอให้ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษจำคุกและปรับในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาใหม่โดยเห็นว่าโทษจำคุกและปรับสูงเกินไป โดยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการปรับบทกำหนดโทษฐานเสพเมทแอมเฟตามีนตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 104, 162 และฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคหนึ่ง จึงถือว่าจำเลยพอใจไม่โต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดบทกำหนดโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เช่นนี้ การกำหนดบทกำหนดโทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคหนึ่ง กับมาตรา 104, 162 ย่อมเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จะก้าวล่วงไปวินิจฉัยการปรับบทกำหนดโทษอีกครั้งหนึ่งและปรับบทกำหนดโทษเสียใหม่ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสอง (1) ซึ่งยุติไปแล้วนั้นมิได้ ทั้งกรณีไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่ให้อำนาจศาลอุทธรณ์ในกรณีเช่นนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการพิจารณาและพิพากษาคดีภาค 1 ลักษณะ 1 อุทธรณ์ และไม่ก่อสิทธิให้จำเลยฎีกาในข้อที่ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทกำหนดโทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสอง (1) ชอบหรือไม่ แม้ศาลฎีกาอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาก็ไม่อาจรับวินิจฉัยได้เพราะกรณีที่จะอนุญาตให้ฎีกาได้ต้องเป็นกรณีที่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้กำหนดโทษจำคุกและปรับในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายใหม่ โดยเห็นว่าโทษจำคุกและปรับที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาสูงเกินไปนั้น ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวอีก เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) บัญญัติให้ศาลกำหนดโทษเสียใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังแก่ผู้กระทำความผิดที่กำลังรับโทษอยู่ เมื่อโทษที่กำหนดตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง แต่เมื่อโทษในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายที่กำหนดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่หนักกว่าโทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติในภายหลัง กรณีจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) ที่ศาลจะกำหนดโทษจำคุกและปรับในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายใหม่ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยข้อต่อไปว่า ที่ศาลอุทธรณ์ไม่กำหนดโทษในการเพิ่มโทษจำเลยใหม่ชอบหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 บัญญัติว่า ถ้ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด เว้นแต่คดีถึงที่สุดแล้ว แต่กรณีที่คดีถึงที่สุดแล้วดังต่อไปนี้ (1) ถ้าผู้กระทำความผิดยังไม่ได้รับโทษ หรือกำลังรับโทษอยู่และโทษที่กำหนดตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง...ให้ศาลกำหนดโทษเสียใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง... ดังนี้ คำว่า กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดหรือกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดดังกล่าวนั้น หมายถึง กฎหมายที่บัญญัติถึงกำหนดโทษหรือโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้นด้วย ซึ่งคดีนี้และตามฎีกาจำเลยได้แก่บทบัญญัติการเพิ่มโทษแก่ผู้กระทำความผิดอีก หากมีการแก้ไขบทกฎหมายดังกล่าวในทางที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดและมีผลที่จะทำให้จำเลยได้รับโทษน้อยลง ศาลก็มีอำนาจแก้ไขโทษที่จะลงแก่จำเลยได้ภายในเงื่อนไขของมาตรา 3 ได้ โดยมิใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อบทบัญญัติเรื่องการเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยประมวลกฎหมายยาเสพติดซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังไม่มีบทบัญญัติให้เพิ่มโทษ ดังนี้ ศาลจึงไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดที่ถูกยกเลิกไปแล้วและกฎหมายที่ใช้ในภายหลังกระทำความผิดได้ การเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งจึงหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง จึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดโทษใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) อย่างไรก็ตาม เมื่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 บัญญัติว่า บทบัญญัติที่ใช้แก่ความผิดทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญาให้นำไปใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ดังนั้น แม้กฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษอันเป็นกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่กฎหมายในประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติเรื่องเพิ่มโทษเพราะกระทำผิดอีกไว้ ก็มิได้หมายความว่าศาลไม่อาจเพิ่มโทษตามบทบัญญัติที่ใช้แก่ความผิดทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญา เมื่อจำเลยกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีกโดยไม่เข็ดหลาบและโจทก์ได้ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด มาตรา 97 ไว้แล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีความประสงค์จะขอเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบและได้กล่าวในคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 159 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3 แล้วด้วย ศาลย่อมมีอำนาจเพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ที่เป็นบททั่วไปได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำหนดโทษใหม่ว่า หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปีนั้น เป็นการมีคำสั่งเกินกว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่ากรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้ไม่เกิน 1 ปี อันเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยเกี่ยวกับการปรับบทกำหนดโทษในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนและการปรับบทกำหนดโทษในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสอง (1) โดยให้บังคับการปรับบทกำหนดโทษไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น และพิพากษากลับให้กำหนดโทษการเพิ่มโทษจำเลยใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) โดยเพิ่มโทษกระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นจำคุก 10 ปี 8 เดือน และปรับ 600,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน เป็นจำคุก 8 เดือน เมื่อลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งแล้ว ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน และปรับ 300,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน คงจำคุก 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและให้ใช้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้ว เป็นจำคุก 5 ปี 12 เดือน และปรับ 300,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้ไม่เกิน 1 ปี