โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 (1) จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นจำเลยชอบหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่าตามฟ้องมีรายละเอียดที่แสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ว่าประสงค์จะดำเนินคดีแก่นางสาวกนกหรือนุญา จันทะนา ซึ่งเป็นคนละคนกับจำเลยที่มีชื่อว่านางสาวจันจิรา จันทะนา การที่โจทก์ขอแก้ฟ้องในภายหลังโดยระบุว่าจำเลยคือนางสาวจันจิรา จันทะนา เป็นการเปลี่ยนตัวบุคคลที่เป็นจำเลย เห็นว่า ฟ้องที่โจทก์ยื่นต่อศาลเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2557 ระบุชื่อบุคคลที่เป็นจำเลยว่า นางสาวกนกหรือนุญาหรือจันจิรา ก่อนโจทก์ขอแก้ฟ้องโจทก์ได้แถลงต่อศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 20 มกราคม 2558 มีใจความว่า ก่อนฟ้องโจทก์เข้าใจว่านางสาวกนก และนางสาวจันจิรา เป็นบุคคลคนเดียวกัน แต่ตามคำขอเปิดบัญชีของนางสาวจันจิราที่ทนายจำเลยนำมาทำให้โจทก์ทราบว่านางสาวกนกและนางสาวจันจิราเป็นคนละคนกัน โจทก์ขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนและจะมาแถลงต่อศาลให้นัดหน้า ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 มีใจความว่า เหตุที่ฟ้องระบุชื่อจำเลยถึงสามชื่อเพราะจำเลยใช้ชื่อหลายชื่อ ไม่ชัดเจนว่าชื่อใดแน่ บัดนี้โจทก์ทราบแน่ชัดแล้วว่าจำเลยชื่อนางสาวจันจิรา จึงขอแก้ฟ้องเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นจำเลยเป็นนางสาวจันจิรา แต่เพียงผู้เดียว เหตุผลที่โจทก์ขอแก้ฟ้องดังกล่าวสอดคล้องกับที่โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์เข้าใจว่านางสาวกนกและนางสาวจันจิราเป็นบุคคลคนเดียวกัน ตามอุทธรณ์ของจำเลย ฉบับลงวันที่ 10 กันยายน 2562 จำเลยก็กล่าวถึงที่มาของการที่จำเลยออกเช็คให้นางสาวกนกหรือนุญาซึ่งเป็นพี่เพื่อให้นำไปมอบแก่โจทก์โดยจำเลยไม่เคยพบกับโจทก์ทั้งยอมรับว่าเหตุดังกล่าวทำให้โจทก์เข้าใจผิดว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับนางสาวกนกหรือนุญา จึงฟ้องคดีโดยระบุชื่อบุคคลที่เป็นจำเลยว่า นางสาวกนกหรือนุญาหรือจันจิรา ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า การที่โจทก์ยื่นฟ้องโดยระบุชื่อบุคคลที่เป็นจำเลยว่า นางสาวกนกหรือนุญารวมมากับชื่อนางสาวจันจิราซึ่งเป็นชื่อจำเลยกับระบุอายุ ที่อยู่ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของนางสาวกนกหรือนุญาแต่เพียงผู้เดียวมาในฟ้อง ทั้งยังขอให้มีการส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องแก่นางสาวกนกหรือนุญาแต่เพียงผู้เดียวด้วยเป็นเพราะโจทก์เข้าใจว่านางสาวกนกหรือนุญาและจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกันนั่นเอง ดังนั้น การที่โจทก์ขอแก้ฟ้องเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นจำเลยเป็นนางสาวจันจิรา หลังจากโจทก์ทราบว่านางสาวกนกหรือนุญาและจำเลยเป็นคนละคนกันแล้ว จึงไม่เป็นการขอแก้ฟ้องโดยเปลี่ยนตัวบุคคลที่เป็นจำเลย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องในส่วนนี้จึงหาเป็นการไม่ชอบไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องดังกล่าวมีผลให้จำเลยถูกฟ้องในวันนั้น ซึ่งล่วงเลยระยะเวลาที่ต้องร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้ว คดีจึงขาดอายุความนั้น เห็นว่า เมื่อการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเป็นไปโดยชอบเพราะไม่ได้เป็นการเปลี่ยนตัวบุคคลที่เป็นจำเลยดังได้วินิจฉัยมา แต่กรณีเป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยมาตั้งแต่แรกภายในกำหนดอายุความ จำเลยจึงอ้างไม่ได้ว่าเพิ่งถูกฟ้องนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง คดีจึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน