โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160 และเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ประกอบพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคสอง พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4), 78 วรรคหนึ่ง, 157, 160 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย (ที่ถูก ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินได้รับความเสียหายโดยไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ) เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ประกอบพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 ปี และปรับ 30,000 บาท ฐานไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ จำคุก 2 เดือน และปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ที่ถูก ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ) คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 15,000 บาท ฐานไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 2,500 บาท รวมจำคุก 1 ปี 7 เดือน และปรับ 17,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คุมความประพฤติของจำเลยมีกำหนด 1 ปี ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง กับให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรมีกำหนด 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 ที่พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นอ้างบทเพิ่มโทษตามมาตรา 160 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ไว้ในคำพิพากษาถือได้ว่าเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นได้เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งแล้ว เพียงแต่ศาลชั้นต้นไม่ได้ระบุข้อความว่าให้เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเพียงการไม่สมบูรณ์ชัดเจนเท่านั้น หาทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยเหตุที่ยังมิได้เพิ่มโทษจำเลยดังที่โจทก์อ้างมาแต่อย่างใดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่อย่างไรก็ดีที่ถูกศาลชั้นต้นต้องกำหนดโทษที่ลงแก่จำเลยเสียก่อน แล้วจึงเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 ซึ่งศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ จำคุก 2 ปี เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคสอง เป็นจำคุก 3 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 แล้ว เป็นจำคุก 1 ปี 7 เดือน และปรับ 17,500 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9