โจทก์ฟ้องว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์เป็นผลิตภัณฑ์เคมีตามพิกัดอัตราอากรแนบท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503 ประเภท 38.14 รายการ "เฉพาะสิ่งปรุงแต่งที่ใช้สำหรับกันการเป็นสนิม" ซึ่งต้องเสียอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 18 ของราคาของที่นำเข้า ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ศก.10/2527 (อซ.19) ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 แต่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ประเมินเรียกเก็บอากรขาเข้าจากโจทก์ในอัตราร้อยละ24 ของราคาของที่นำเข้า ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 คืนเงินค่าอากรขาเข้าที่เรียกเก็บเกินพร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยที่ 2 คืนเงินค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลที่เรียกเก็บเกินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า สินค้าพิพาทมีคุณสมบัติทั้งป้องกันการเป็นสนิม ป้องกันการรวมตัวของออกซิเจนและป้องกันการกัดกร่อนผิวโลหะเข้าพิกัดประเภทที่ 38.14 รายการ "อื่น ๆ" ซึ่งต้องเสียอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 24 ของราคาของที่นำเข้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าอากรที่เรียกเก็บเกินไป 1,268,136.20 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้ฟังเป็นยุติว่า สินค้าพิพาททั้ง 3 ใบขนดังกล่าวเป็นสารเคมีที่โจทก์ซื้อจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศในภาคีอาเซียนและเป็นสินค้าที่จัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรที่ 38.14 โจทก์อ้างว่าสินค้าพิพาทเป็นสิ่งปรุงแต่งที่ใช้สำหรับกันการเป็นสนิมโดยเฉพาะจึงได้รับลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก.10/2527(อซ.19) เรื่องยกเลิกการลดและลดอัตราศุลกากรลงเหลือร้อยละ 60ของอัตราที่เรียกเก็บหรือเสียอากรขาเข้าร้อยละ 18 ของราคา แต่จำเลยที่ 1 เห็นว่าสินค้าพิพาทนอกจากจะมีคุณสมบัติกันการเป็นสนิมแล้วยังมีคุณสมบัติป้องกันการรวมตัวของออกซิเจนหรือปัองกันปฏิกิริยาออกซิเดชั่น และป้องกันการผุกร่อนของผิวโลหะอีกด้วยสินค้าพิพาทจึงต้องจัดอยู่ในรายการ "อืน ๆ " ของประกาศกระทรวงดังกล่าวได้รับการลดอัตราอากรลงเหลือร้อยละ 80 ของอัตราที่เรียกเก็บหรือเสียค่าอากรขาเข้าร้อยละ 24 ของราคา ปัญหาวินิจฉัยจึงอยู่ที่ว่าสินค้าพิพาทมีคุณสมบัติกันการเป็นสนิมเพียงอย่างเดียวหรือว่ามีคุณสมบัติป้องกันการรวมตัวของออกซิเจนและป้องกันการผุกร่อนของโลหะด้วย แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยฟังว่าสินค้าพิพาทมิใช่มีคุณสมบัติเพียงกันการเป็นสนิมโดยเฉพาะ แต่อย่างเดียว แต่ยังมีคุณสมบัติปัองกันการสึกกร่อนของเครื่องยนต์อันเกิดจากสารที่ไม่ละลายในน้ำมันอีกด้วย ดังนั้น สินค้าพิพาทจึงมิใช่สินค้าในรายการ "เฉพาะสิ่งปรุงแต่งที่ใช้สำหรับกันการเป็นสนิม" ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวข้างต้นแต่เป็นสินค้าในรายการ "อื่น ๆ"ในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลังฉบับเดียวกัน ซึ่งได้รับลดอัตราอากรลงเหลือร้อยละ 80 หรือต้องเสียอากรร้อยละ 24ของราคาตามที่จำเลยที่ 1 เรียกเก็บจากโจทก์ถูกต้องแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 เสียด้วย.