โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ 8 ปีมานี้จำเลยได้ทำหนังสือยืมเงินโจทก์เอาที่นามือเปล่ามาประกันให้ทำต่างดอกเบี้ย สัญญามีกำหนด 3 ปี ถ้าพ้นกำหนดไม่นำเงินมาใช้ยอมให้ที่นาเป็นสิทธิแก่โจทก์ ครั้นถึงกำหนดจำเลยไม่ใช้ โจทก์ได้ครอบครองที่นามา 8 ปีแล้ว เมื่อ 1 ปีมานี้จำเลยบุกรุกเข้าไปทำนารายนี้ครึ่งหนึ่ง ทำให้โจทก์เสียหายจำเลยให้การต่อสู้หลายประการและตัดฟ้องว่า คดีขาดอายุความเพราะไม่ฟ้องใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้ทำสัญญาให้โจทก์ดังฟ้องจริง แต่สัญญาไม่สมบูรณ์เพราะมีพยานรับรองลายมือไม่เพียงพอ แต่โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิครอบครองซึ่งตกลงปากเปล่าก็ใช้ได้ จำเลยยอมให้นาหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์ ๆ ครอบครองมาหลายปี ได้สิทธิครอบครองพิพากษาห้ามจำเลยกับบริวารเกี่ยวข้อง ค่าเสียหายโจทก์ไม่ควรได้เพราะโจทก์ได้ข้าวในนาที่จำเลยแย่งทำแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีความเห็นแย้งว่า ที่รายนี้แม้ไม่มีหนังสือสำคัญแต่ได้ทำประโยชน์แล้ว โจทก์ครอบครองไม่ถึง 10 ปี ยังไม่ได้กรรมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และควรฟังว่า จำเลยแย่งการครอบครองมากว่า 1 ปี โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา 1375 วรรคท้าย ควรยกฟ้อง
จำเลยโดยนางมูเนาะผู้รับมรดกความ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงดังฟ้องโจทก์และเห็นว่า เมื่อพ้น 3 ปี ตามที่ตกลงกันนั้น จำเลยไม่ใยดีต่อที่นารายนี้ เป็นการสละเจตนาครอบครอง แม้ข้อตกลงในเบื้องต้นทำนองขายฝากจะใช้ไม่ได้ตามกฎหมายเมื่อจำเลยเจตนาสละการครอบครอง การครอบครองของจำเลยก็ย่อมสิ้นสุด ที่มือเปล่านั้นศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นแบบอย่างไว้มากแล้วว่า เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง ส่วนข้อที่ว่า โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปีนั้น ปรากฏว่าเมื่อจำเลยเข้าแย่งทำปีแรก โจทก์ก็ได้ไปร้องต่ออำเภอจำเลยยอมยกข้าวในนาให้โจทก์ ๆ จึงไม่ฟ้อง ปีต่อมาจำเลยเข้าแย่งอีก โจทก์ก็มาฟ้อง ข้อโต้แย้งของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน