โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368, 386,83
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม  ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1 คงพิจารณาคดีไปเฉพาะจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า  จำเลยที่ 2  มีความผิดฐานปลูกปักหรือวางสิ่งของเกะกะไว้ในทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 386 ลงโทษปรับ 500 บาทกระทงหนึ่ง  และมีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 ลงโทษปรับ 500 บาทอีกกระทงหนึ่ง  รวมสองกระทง  เป็นโทษปรับ1,000 บาท
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ในข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  คดีมีประเด็นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งจำเลยที่ 2  ฎีกาว่าพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากนายจรูญพัฒนเสถียรกุล  ผู้แจ้งความร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้เป็นเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอกำแพงแสน  ไม่ใช่นายอำเภอ  ถือไม่ได้ว่าเป็นผู้เสียหาย  จึงไม่มีอำนาจร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้ได้  ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า  คดีนี้แม้จะเป็นคดีความผิดลหุโทษแต่มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว  เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนคดีนี้แล้ว  พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา 120  ผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้จะเป็นผู้ใดหามีความสำคัญไม่  จำเลยเองก็ได้แถลงรับไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2525 ว่า  พนักงานสอบสวนได้สอบสวนคดีนี้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว  ฉะนั้น  จำเลยจะฎีกาโต้เถียงว่าพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องย่อมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน