โจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 360
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ประกอบมาตรา 83 ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 10,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (ที่ถูก ไม่ต้องปรับบทมาตรา 30)
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 39179 โจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 39194, 39195 และ 39196 และโจทก์ที่ 3 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 39190, 39191, 39192 และ 39193 โจทก์ทั้งสามซื้อที่ดินมาจากนางสุมาลี ซึ่งประกอบธุรกิจจัดสรรที่ดินร่วมกับจำเลยที่ 2 และบริษัทอวยชัย แลนด์ส แอนส์ เฮ้าส์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจจัดสรรที่ดิน จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน และจำเลยที่ 2 ยังเป็นกรรมการของบริษัทอวยชัย แลนด์ส แอนส์ เฮ้าส์ จำกัด เดิมนายซัด เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 4082 ทิศใต้จดที่ดินของโจทก์ทั้งสาม นายชัดยกที่ดินทางทิศใต้ของที่ดินแปลงดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 นำดินมาถมทางสาธารณประโยชน์ที่เกิดเหตุปิดกั้นบ้านโจทก์ทั้งสามและปลูกสร้างอาคารชั้นเดียวปิดกั้นบนที่ดินทางสาธารณประโยชน์ที่เกิดเหตุ
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า โจทก์ทั้งสามเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองถมดินและปลูกสร้างอาคารในทางสาธารณประโยชน์ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันจนทำให้โจทก์ทั้งสามไม่สามารถใช้สัญจรเข้าออกสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 และใช้เป็นช่องทางระบายน้ำที่ท่วมขังให้ไหลลงสู่ห้วยสวนพริก เป็นเหตุให้น้ำท่วมขังบ้านของโจทก์ทั้งสามจนได้รับความเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยทั้งสอง จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ทั้งสามในอันที่จะใช้ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน และถือว่าโจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ โจทก์ทั้งสามจึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสามเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน