โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ที่ ๓  และที่ ๔  ฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ  และใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด  จำเลยที่ ๕  ฐานรับของโจร  กับขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑  ที่ ๒  และที่ ๓  ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ  ด้วย  และขอให้ศาลสั่งคืนของกลางของผู้เสียหายที่ได้คืนมา ราคา ๒๖,๖๒๕ บาท  กับสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ของผู้เสียหายที่ยังไมได้คืนอีก ๑๖๘,๓๗๕ บาท ริบของกลาง
จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ที่ ๕  ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงดังฟ้อง
จำเลยที่ ๓  ที่ ๔  ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า  จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ที่ ๓  ที่ ๔  มีความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีปืนและวัตถุระเบิดและโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด  จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ  จำเลยที่ ๕ มีความผิดฐานรับของโจร  ริบอาวุธปืนของกลาง  มีดปลายแหลมไม่ปรากฏว่าได้ใช้ในการกระทำผิดไม่ริบ  คืนของกลางราคา ๒๖,๖๒๕ บาท  และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนอีก ๑๖๘,๓๗๕ บาท  แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๓  ที่ ๔  อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเรื่องปรับบทลงโทษจำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ที่ ๓  ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๔  คืนของกลางราคา ๑๙,๗๒๕ บาท  ให้แก่ผู้เสียหาย  คืนธนบัตรและเหรียญรวม ๖,๙๐๐ บาทให้แก่เจ้าของ  ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒  ที่ ๓  ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน  ๑๗๕,๒๗๕ บาทแก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๔  ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น  และสั่งคืนธนบัตรกับเหรียญรวม ๖,๙๐๐ บาทให้แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๓ ฎีกา  ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  จำเลยที่ ๓ ที่ ๔  ได้ร่วมกระทำผิดในคดีเรื่องนี้จริง
วินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายว่า  ที่โจทก์ฎีกาขอให้คืนธนบัตร ๖,๓๐๐ บาท  กับเหรียญ  และเหรียญชนิดอื่น ๆ รวม ๖๐๐ บาท  แก่ผู้เสียหาย  เห็นว่าแม้จะฟังว่าธนบัตร ๖,๓๐๐ บาท  เป็นเงินที่จำเลยที่ ๓  ได้มาจากการนำทองรูปพรรณของผู้เสียหายไปขายดังฎีกาของโจทก์ก็ตาม  กรณีเป็นที่เห็นได้ว่า  ธนบัตร ๖,๓๐๐ บาท  มิใช่ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายในคดีเรื่องนี้ปล้นเอาไป  ส่วนเหรียญบาทและเหรียญชนิดอื่น ๆ รวม ๖๐๐ บาท  ฟังไม่ได้ว่าเป็นเงินที่จำเลยที่ ๓ ได้มาจากการขายทองรูปพรรณที่ปล้นมาได้และไม่ใช่ทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกปล้นไป  ในชั้นนี้จึงคืนให้ผู้เสียหายไม่ได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า  จำเลยที่ ๔ มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์  โดยผู้กระทำผิดมีอาวุธปืนและวัตถุระเบิดติดตัวไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง  และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดตามมาตรา ๓๔๐ ตรี,  ๘๓  ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑  ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔  ข้อ ๑๔, ๑๕  ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๔๐ ตรี  จำคุกจำเลยที่ ๔ ยี่สิบปี  นอกจากที่แก้นี้แล้วให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์