โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 91พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 5 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 6 และสั่งคืนปืนลูกซองของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 69, 91, 59 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 6 ลงโทษในข้อหามีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 3,000 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 1,500 บาท ลงโทษในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่กระทำไปเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 4 ปี คืนปืนของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แอล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า คืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 23 นาฬิกา ผู้ตายกับพวกได้ไปที่หน้าบ้านจำเลย จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยิงมา 1 นัดถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย มีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามโจทก์ฟ้องหรือไม่ ได้ความจากนางอารมย์สวนจันทร์ ภรรยาจำเลยพยานโจทก์ว่า คืนเกิดเหตุพยาน จำเลยและบุตร 5 คนนอนอยู่ที่บ้าน เวลาประมาณ 23 นาฬิกา ได้ยินเสียงผู้ตายมาเรียกให้จำเลยออกไปนอกบ้านผู้ตายร้องขู่ว่าถ้าไม่ออกไปจะเข้ามาฆ่าจำเลย จำเลยไม่ยอมออกไปพบผู้ตาย พยานออกจากห้องนอนมาดูที่ระเบียงและถามผู้ตายว่ามากับใคร ผู้ตายว่ามากับเพื่อนผู้ตายถือขวดเหล้าส่วนเพื่อนผู้ตายยืนถือปืนอยู่ข้างโอ่งน้ำพยานถามว่ามาธุระอะไร ผู้ตายว่าต้องการพบจำเลยเท่านั้น ผู้ตายถีบประตูระเบียงอยู่ประมาณ 10 นาที จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายได้ความจากนายภิญโญ สมสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลขนาบนากอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ท้องที่เกิดเหตุว่า ก่อนเกิดเหตุจำนเลยมาแจ้งความว่านายสมควรญาติผู้ตายได้ฟันต้นกล้วย ต้นมะพร้าวของจำเลยเสียหาย และคืนก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้บุกรุกเข้าไปที่บ้านจำเลยเพื่อจะฆ่าจำเลย ผู้ตายเวลาเมาชอบข่มขู่ชาวบ้าน รูปคดีฟังได้ว่า ก่อนคืนเกิดเหตุผู้ตายเข้าไปที่บ้านจำเลยครั้งหนึ่งแล้วจำเลยซ่อนตัวอยู่ไม่อยมพูด ภรรยาจำเลยแกล้งบอกว่าจำเลยไม่อยู่ผู้ตายจึงกลับไป คืนเกิดเหตุเมื่อผู้ตายกับพวกมาที่หน้าบ้านจำเลยผู้ตายร้องเรียกจำเลยพร้อมทั้งขู่จะฆ่า เมื่อจำเลยไม่ยอมออกไปนอกบ้าน ผู้ตายจึงพังประตูระเบียงเพื่อจะเข้ามาทำร้ายจำเลยขณะนั้นเองจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยินผู้ตาย 1 นัด ถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ปรากฏว่าผู้ตายพกมีดปลายแหลมเฉพาะตัวมีดยาวคืนเศษและเพื่อนของผู้ตายมีอาวุธปืนมาด้วย เห็นว่า ผู้ตายกับพวกมีอาวุธทั้งมีดและปืน ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่าผู้ตายกับพวกมีเจตนาจะเข้ามาทำร้ายจำเลยภรรยาจำเลยขอร้องให้ผู้ตายกลับไปก็ไม่ยอม ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย โดยบุกรุกเข้ามาในบ้านจำเลยในยามวิกาล ได้พยายามพังประตูระเบียงบ้านเข้ามาจะทำร้ายจำเลย เมื่อจำเลยเห็นว่าผู้ตายได้พังประตูและกำลังเข้ามาในบ้าน ขณะนั้นผู้ตายอยู่ห่างจำเลยเพียง 3 วา นับว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแล้วถ้าปล่อยให้ผู้ตายกับพวกเข้ามาถึงตัวจำเลยจำเลยต้องถูกทำร้ายแน่ จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิป้องกันตัวได้และการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพียง 1 นัดในทันทีนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน.