โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ จำเลยแทงนายตาดตายโดยเจตนา
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และให้ริบมีดของกลาง
จำเลยให้การว่า นายตาดฉุดนางสาวนอบน้องจำเลยไป จำเลยติดตามทันนายตาดกลับแทงจำเลย ๆ จึงต่อสู้ป้องกัน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การที่จำเลยทำร้ายผู้ตาย ไม่ใช่เป็นการป้องกันตัว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้จำคุก ๑๕ ปี คำรับของจำเลยมีประโยชน์ แก่การพิจารณาจึงลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๐ ปี ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อต่อสู้ของจำเลยว่ากระทำโดยป้องกันตัวฟังไม่ได้ แต่การที่นายตาดฉุดนางสาวนอบน้องจำเลยไป เป็นเหตุยั่วโทสะ จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๗๒ จำคุก ๑๐ ปี ๖ เดือน ลดโทษ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๗ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุที่เกิดการต่อสู้กันขึ้นก็โดยนายตาดฉุดนางสาวนอบน้องจำเลยไป จำเลยติดตามทัน นายตาดเข้าทำร้าย นายโม่ง และจำเลย จำเลยจึงต้องต่อสู้และได้รับบาดเจ็บถึง ๗ แห่ง หาใช่เหตุเกิดขึ้น โดยจำเลยหาเหตุสมัครใจเข้าทำร้ายกับนายตาดไม่ และเพียงแต่หนีทันแล้วไม่หนี ไม่แสดงว่าเป็นการสมัครเข้าต่อสู้ในเมื่อมีเหตุที่จำเลยกับพวกต้องติดตามมาเอาตัวน้องสาวจำเลยคืน และถูกผู้ตายทำร้ายเอาจึงเป็นการจำต้องเพื่อป้องกันอันตรายต่อร่างกายและชีวิตพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ ไม่มีความผิด
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยไป มีดของกลางคืนเจ้าของ