โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม, 66 วรรคสอง, 100/1 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พฤติการณ์ไม่ร้ายแรง ประกอบกับจำเลยอายุยังไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม ป.อ. มาตรา 75 จำคุก 3 ปี 6 เดือน ปรับ 200,000 บาท อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 104 (2) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งจำเลยไปฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลางมีกำหนด 2 ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้ส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลาง มีกำหนด 30 วัน ริบของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้จำเลยได้ศึกษาเล่าเรียนนั้นถือได้ว่าจำเลยขอให้รอการลงโทษ เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณเพียง 27 เม็ด และปรากฏตามรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครว่า ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 16 ปีเศษ ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน บิดามารดาจำเลยยังคงรักใคร่ห่วงใย โดยหลังจากจำเลยถูกดำเนินคดีได้เข้ามาร่วมดูแลจำเลยอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ทั้งหลังเกิดเหตุก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยไปกระทำความผิดใดอีก นับว่าจำเลยยังอยู่ในวิสัยที่สามารถแก้ไขฟื้นฟูตนเองให้ทำคุณประโยชน์แก่สังคมได้ เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีสักครั้ง อาศัยอำนาจตาม ป.อ. มาตรา 56 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 106 (2) (3) ให้รอการลงโทษจำคุกและโทษปรับแก่จำเลย แต่เพื่อแก้ไขความประพฤติที่เสียหายของจำเลยดังกล่าวและสอดส่องดูแลจำเลยไปอีกระยะหนึ่ง จึงเห็นควรกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติจำเลยไว้ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เปลี่ยนแปลงโทษจำคุกเป็นส่งจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลางมีกำหนด 2 ปี และไม่ส่งจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลางมีกำหนด 30 วัน หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ แต่โทษจำคุกและโทษปรับให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง และให้คุมความประพฤติจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี โดยในระยะเวลา 6 เดือนแรกของปีที่หนึ่ง ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติเดือนละครั้ง ในระยะเวลา 6 เดือนถัดไป ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 2 เดือนต่อครั้ง และในปีที่สองให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง ให้จำเลยนำผลการเรียนมาแสดงต่อพนักงานคุมประพฤติทุกครั้งที่มารายงานตัว ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติดทุกชนิด ห้ามคบสมาคมกับบุคคลความประพฤติไม่ดี และให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 48 ชั่วโมง ตาม ป.อ. มาตรา 56 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 106 (2) (3) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.