คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลูกหนี้ (จำเลย) ล้มละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไว้เด็ดขาดแล้วเมื่อวันที่14 เมษายน 2531 ผู้ร้องยืนคำขอรับชำระหนี้คำ้ประกันและเบิกเงินเกินบัญชีจำนวน 8,163,914.37 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้โดยอ้างว่าผู้ร้องยื่นเกินกำหนด 2 เดือน นับแต่วันประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นการโฆษณาคำสั่งครั้งหลังสุด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ชี้ขาดคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า การไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องชอบหรือไม่ และผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้หรือไม่
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เกินกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และผู้ร้องทราบคำสั่งแล้วไม่คัดค้านใน14 วัน นับแต่วันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ จึงล่วงเลยระยะเวลาที่จะร้องคัดค้านแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และให้ผู้ร้องมีสิทธิรับชำระหนี้ของลูกหนี้ได้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ฟ้องขอให้ลูกหนี้ล้มละลายเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2531 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2531 ตามคดีหมายเลขแดงที่ล.3/2531 ของศาลชั้นต้น และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศโฆษณาคำสั่งศาลในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 24 พฤษภาคม 2531 ส่วนผู้ร้องได้ฟ้องขอให้ลูกหนี้ล้มละลายซ้ำอีกที่ศาลชั้นต้นเดียวกัน เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2531 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2531 ตามคดีหมายเลขแดงที่ล.6/2531 ของศาลชั้นต้น แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังมิได้ประกาศโฆษณาคำสั่งศาล ใน ราชกิจจานุเบกษา ต่อมาวันที่ 19 ตุลาคม 2531ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.3/2531 ของศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้เนื่องจากผู้ร้องยื่นเกินกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และผู้ร้องทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2531 ต่อมาวันที่28 พฤศจิกายน 2531 ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่สั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้เกินกำหนดเวลา14 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 91 เป็นการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่กฎหมายให้อำนาจไว้ มิใช่เพียงความเห็นที่เสนอต่อศาลเพื่อพิจารณาสั่งเท่านั้น ซึ่งมาตรา 146แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้บุคคลล้มละลายเจ้าหนี้หรือบุคคลใดได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยนั้นเมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลเกินกำหนดเวลาเช่นนี้ ศาลชอบที่จะไม่รับคำร้องไม่พิจารณา เมื่อได้วินิจฉัยเช่นนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องต่อไป
พิพากษายืน.