โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๑๑๗๙ เลขที่ดิน ๓๐ ตำบลสำพันตา อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี และห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ มีสิทธิครอบครองที่ดิน? จำเลยที่ ๒ ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์โดยครอบครอง ปรปักษ์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ยื่นเรื่องราวขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๑๑๗๙ โดยสุจริต จำเลยที่ ๒ ไม่เคยเช่าที่ดินจากโจทก์? ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๑๑๗๙ เลขที่ดิน ๓๐ ตำบล สำพันตา อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าวอีก กับให้จำเลย ทั้งสองใช่ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๓,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า? ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปตามที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ จัดซื้อ ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๑๑๗๙ จากจำเลยที่ ๒ ตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติ การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ จำเลยที่ ๑ จึงได้กรรมสิทธิ์ที่ดินตามมาตรา ๓๖ ทวิ ประกอบมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันนี้นั้น เห็นว่า จำเลยที่ ๒ มิใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๑๑๗๙ ดังที่ได้วินิจฉัยไว้ข้างต้น จำเลยที่ ๑ จัดซื้อที่ดินจากผู้ที่มิใช่เจ้าของ จำเลยที่ ๑ ย่อม ไม่มีสิทธิเหนือที่ดินนั้นเช่นเดียวกัน และการกระทำอันเกี่ยวกับการจดทะเบียนโอนสิทธิตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๑๑๗๙ ซึ่งไม่มีผลตามกฎหมายจึงตกเป็นอันเสียเปล่า จำเลยที่ ๑ จะกล่าวอ้างการกระทำอันมิชอบ เช่นนั้นว่าเป็นการจัดซื้อที่ดินตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ มิได้ ประเด็นอื่นไม่จำต้องวินิจฉัย ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.