โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 4, 27, 44, 47, 49 ริบของกลางและจ่ายค่าปรับแก่ผู้เสียหายตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 44 วรรคสอง ให้ปรับจำเลย 80,000 บาทให้จ่ายค่าปรับแก่กระทรวงศึกษาธิการผู้เสียหายเป็นจำนวนกึ่งหนึ่งไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนมีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 หนังสือของกลางเฉพาะที่พิมพ์ขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายจำนวน 91 เล่ม ให้ตกเป็นของผู้เสียหาย หนังสือของกลางนอกนั้นและหนังสือตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่รับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยและภรรยา ประกอบกิจการค้าขายหนังสือและร้านค้าของจำเลยเป็นผู้ขายส่งสินค้าขององค์การค้าของคุรุสภา จัดจำหน่ายหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดที่สั่งซื้อจากองค์การค้าของคุรุสภา เมื่อวันที่ 29สิงหาคม 2529 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่ขององค์การค้าของคุรุสภา ได้ไปตรวจและยึดหนังสือแบบเรียนปลอมคือไม่ใช่หนังสือที่จัดพิมพ์โดยองค์การค้าของคุรุสภา จำนวน 91 เล่มซึ่งกระทรวงศึกษาธิการผู้เสียหายมีลิขสิทธิ์แต่ผู้เดียว จำเลยได้วางเสนอขายหนังสือปลอมดังกล่าวที่ร้านค้าจำเลย มีปัญหาชั้นฎีกาข้อเดียวตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยขายหรือเสนอขายหนังสือจำนวน91 เล่ม โดยรู้อยู่แล้วว่าหนังสือนั้นได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่า หนังสือของกลางจำนวน 91 เล่มนั้นพิมพ์ลอกเลียนจากหนังสือฉบับแท้จริงของผู้เสียหาย มีลักษณะแตกต่างจากหนังสือฉบับแท้จริงอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ เลขวิ่งบอกจำนวนเล่มของหนังสือแต่ละเล่มที่พิมพ์ไว้บนปกด้านหลังจะซ้ำกันหรือเกินจำนวนเล่มหนังสือที่อนุญาตให้พิมพ์ตามที่ระบุไว้บนปกด้านในรูปเล่มของหนังสือไม่ได้มาตรฐาน ขนาดรูปเล่มไม่เท่าฉบับแท้จริงอาจจะใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าฉบับแท้จริง ตัวอักษรไม่ชัดเจนบางคำขาดหายไป รูปภาพ ตัวอักษรและหมึกที่ใช้พิมพ์จะขีดไม่ชัดสีจะไม่เหมือนฉบับแท้จริง ลวดที่เย็บเล่มจะไม่ได้ขนาดจะเหลื่อมลักลั่นกันไม่คงที่ ดังเช่นหนังสือฉบับที่พิมพ์ลอกเลียนจากหนังสือฉบับแท้จริงตามเอกสารหมาย ป.จ.2 ถึง ป.จ.9 ซึ่งเห็นได้โดยง่ายว่าแตกต่างจากหนังสือฉบับแท้จริงตามเอกสารหมาย ป.จ.10ถึง ป.จ.15 จำเลยเป็นพ่อค้าประกอบอาชีพจำหน่ายหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดมานานประมาณ 20 ปีแล้ว มีร้านค้าของตนเองและเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของคุรุสภา จำเลยย่อมมีความรู้ความเข้าใจมีประสบการณ์และความชำนาญในการตรวจตราหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดต่าง ๆ ที่สั่งมาจำหน่ายในร้านค้าของตนว่าถูกต้องหรือไม่ ไม่ใช่ไม่เอาใจใส่ตรวจตรา เพราะมิฉะนั้นจำเลยย่อมจะไม่สามารถรู้ได้ว่า ในร้านค้าของตนมีสินค้าอะไรไว้จำหน่ายเพียงใดหรือไม่ นอกจากนั้นยังได้ความจากภรรยาจำเลยว่าซื้อหนังสือเหล่านั้นมาจากผู้เร่ขาย จึงเชื่อได้ว่าจำเลยได้รู้เห็นหนังสือของกลางนั้นอยู่แล้วว่าไม่ใช่เป็นหนังสือแบบเรียนหรือแบบฝึกหัดที่แท้จริงของผู้เสียหาย และย่อมสังเกตรู้เห็นอยู่แล้วว่าหนังสือของกลางดังกล่าวมีลักษณะแตกต่างจากหนังสือของผู้เสียหายที่จำเลยเคยสั่งซื้อจากองค์การค้าของคุรุสภาซึ่งผู้เสียหายสงวนลิขสิทธิ์ ดังนี้ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงเชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยขายหรือเสนอขายหนังสือของกลางจำนวน 91 เล่ม นั้นโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นหนังสือที่พิมพ์ขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 27
พิพากษายืน.