โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดถึงวันที่ 18 มีนาคม 2535 เวลากลางวัน จำเลยกับนายพิศิษฐ์ สังฆสุวรรณ ร่วมกันปลอมหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นเอกสารสิทธิขึ้นทั้งฉบับ โดยนำแบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจของกรมที่ดินที่ยังไม่ได้กรอกข้อความมากรอกข้อความว่า วันที่ 18 มีนาคม 2535 นางฉลวย มะกรสาร ได้มอบอำนาจให้นายพิศิษฐ์ สังฆวรรณ รับซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 111030 ตำบลสีกัน (บ้านใหม่) อำเภอบางเขน (ตลาดขวัญ) กรุงเทพมหานคร ในราคา 5,000,000 บาท ไม่มีสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งให้ถ้อยคำตลอดจนคำรับรองต่าง ๆ แก่เจ้าหน้าที่ และลงลายมือชื่อปลอมของนางฉลวย มะกรสาร ในช่องผู้มอบอำนาจ เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นเอกสารที่แท้จริงที่นางฉลวย มะกรสาร ได้ทำขึ้น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นางฉลวย เจ้าพนักงานที่ดิน กรมที่ดิน ผู้อื่นหรือประชาชน และจำเลยกับนายพิศิษฐ์ร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอมที่ได้ร่วมกันทำขึ้นดังกล่าวไปแสดงต่อนายสุทัศน์ สุขเจริญ นักวิชาการที่ดิน 5 สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางเขน เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนเกี่ยวกับที่ดิน เพื่อแสดงว่านางฉลวยได้มอบอำนาจให้นายพิศิษฐ์ซื้อที่ดินตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวแทนนางฉลวย ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นางฉลวย นายสุทัศน์ เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางเขน กรมที่ดิน ผู้อื่นหรือประชาชน เมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2535 เวลากลางวัน จำเลยกับนายพิศิษฐ์ร่วมกันปลอมหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นเอกสารสิทธิขึ้นสองฉบับ โดยนำแบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจของกรมที่ดินที่ยังไม่ได้กรอกข้อความมากรอกข้อความว่า วันที่ 24 ธันวาคม 2535 นางฉลวย มะกรสาร ได้มอบอำนาจให้นายพิศิษฐ์ สังฆสุวรรณ ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 111030 ตำบลสีกัน (บ้านใหม่) อำเภอบางเขน (ตลาดขวัญ) กรุงเทพมหานคร ตลอดจนให้คำรับรองต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และลงลายมือชื่อปลอมของนางฉลวยในช่องผู้มอบอำนาจเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นเอกสารที่แท้จริงที่นางฉลวยได้ทำขึ้น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นางฉลวย เจ้าพนักงานที่ดิน กรมที่ดิน ผู้อื่นหรือประชาชน และวันที่ 24 ธันวาคม 2535 เวลากลางวัน จำเลยกับนายพิศิษฐ์ ร่วมกันใช้อ้างเอกสิทธิปลอมที่จำเลยร่วมกันทำขึ้นดังกล่าว ไปแสดงต่อนายสนั่น จันทะโชติ เจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิงานนิติกรรม สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางเขน เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนเกี่ยวกับที่ดิน เพื่อแสดงว่านางฉลวยได้มอบอำนาจให้นายพิศิษฐ์ขายที่ดินตามหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ นางฉลวย นายสนั่น เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางเขน ผู้อื่น หรือประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 91, 83 ริบของกลาง และนับโทษของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยที่ 5 และจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2166/2540 และคดีอาญาหมายเลขดำที่ 6399/2541 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาพลอากาศตรีสมิทธ มะกรสาร ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ อ้างว่า ผู้ร้องเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนางฉลวย มะกรสาร โดยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2490 บรรดาทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ผู้ร้องและนางฉลวยได้มาในระหว่างสมรสจึงเป็นทรัพย์สินร่วมกันระหว่างสามีภริยา คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ซึ่งเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ร้องและนางฉลวย ผู้ร้องเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำความผิดของจำเลย และเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาดังกล่าว ผู้ร้องมีความประสงค์จะขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาต โจทก์แถลงไม่ค้าน ส่วนจำเลยแถลงคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกับพวกปลอมหนังสือมอบอำนาจของนางฉลวยไปทำนิติกรรมซื้อที่ดินและต่อมาได้ปลอมหนังสือมอบอำนาจของนางฉลวยไปทำนิติกรรมขายที่ดินแปลงเดียวกันนี้ เท่ากับอ้างว่านางฉลวยไม่เคยแสดงเจตนาซื้อที่ดินแปลงพิพาท ที่ดินแปลงพิพาทจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่นางฉลวยได้มาในระหว่างเป็นสามีภริยากับผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำของจำเลยกับพวก ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงในความผิดตามฟ้องโจทก์ ไม่อาจยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการโจทก์ได้ จึงยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการนั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำฟ้องและคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ว่าผู้ร้องกับนางฉลวย มะกรสาร เป็นสามีภริยากัน โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับนายพิศิษฐ์ สังฆสุวรรณ ได้ปลอมลายมือชื่อของนางฉลวยในหนังสือมอบอำนาจรับซื้อและขายที่ดินแล้วนำหนังสือมอบอำนาจนั้นไปยื่นต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินเพื่อแสดงว่านางฉลวยได้มอบอำนาจให้นายพิศิษฐ์ซื้อและขายที่ดินแปลงดังกล่าว เห็นว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นสำหรับความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิจะต้องเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะข้อความแห่งเอกสารสิทธินั้น แต่ข้อความในเอกสารสิทธิที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกปลอมไม่มีข้อความเกี่ยวถึงตัวผู้ร้องเลย ทั้งการที่จำเลยกับพวกนำหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นเอกสารสิทธิปลอมไปยื่นต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนเกี่ยวกับที่ดิน เพื่อแสดงว่านางฉลวยได้มอบอำนาจให้นายพิศิษฐ์ซื้อและขายที่ดิน ก็ไม่เกิดผลกระทบโดยตรงต่อทรัพย์สินของผู้ร้อง เนื่องจากหนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารสิทธิปลอม จึงไม่ก่อให้เกิดสิทธิภาระซื้อและขายที่ดินระหว่างนางฉลวยกับผู้ขายหรือผู้ซื้อ ที่ดินจึงมิใช่สินสมรสระหว่างผู้ร้องกับนางฉลวย ผู้ร้องจึงไม่เป็นบุคคลที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลยกับพวกตามที่โจทก์ฟ้องหากผู้ร้องได้รับความเสียหายเพราะการกระทำของจำเลยกับพวกก็ชอบที่จะไปดำเนินคดีในทางแพ่งได้ ผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) ไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ผู้ร้องอ้างมาในฎีกาของผู้ร้องข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน.