โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 555,625 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์คืนโฉนดที่ดินเลขที่ 11115 แก่จำเลย ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องกับโฉนดที่ดินของจำเลยอีก
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ก่อนสืบพยาน คู่ความแถลงร่วมกันขอให้ส่งเอกสารซึ่งจำเลยยืนยันว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลย คือ หนังสือสัญญากู้เงิน สัญญากู้เงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของจำเลย คำขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน และตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลยเอกสารหมาย จ.2 ล.1 ถึง ล.4 ตามลำดับไปตรวจเปรียบเทียบกับลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 โดยท้ากันว่า หากผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์แล้วเห็นว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ให้ถือว่าจำเลยยอมรับว่าหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารที่แท้จริงตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยยอมแพ้คดี หากเห็นว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ให้ถือว่าโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงตามคำให้การและฟ้องแย้งว่าหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารปลอม โจทก์ยอมแพ้คดี โดยคู่ความไม่ติดใจสืบพยานต่อไป แต่หากผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นทำนองว่าลายมือชื่อของจำเลยในเอกสารหมาย จ.2 ล.1 ถึง ล.4 มีลักษณะคล้ายกับเอกสารหมาย จ.1 ให้ถือว่าไม่เป็นไปตามคำท้า คู่ความขอสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต พร้อมส่งเอกสารดังกล่าวไปยังกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลการตรวจพิสูจน์ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่า ลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นลายมือชื่อที่เกิดจากการพิมพ์ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า ตามความเห็นของผู้ตรวจพิสูจน์แสดงว่าลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 ไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่เขียนด้วยปากกาหรือดินสอ ดังนั้น ลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 จึงเป็นลายมือชื่อปลอม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และให้โจทก์คืนโฉนดที่ดินเลขที่ 11115 แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนคำฟ้องให้เป็นพับ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ กับให้โจทก์ชำระค่าตรวจพิสูจน์ 17,370 บาท แก่จำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นให้รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ว่าลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นลายมือชื่อที่เกิดจากการพิมพ์นั้นไม่เป็นไปตามคำท้าดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยหรือไม่ เห็นว่า การแพ้หรือชนะคดีกันตามคำท้านั้น ผลที่ได้จากเงื่อนไขที่ท้ากันจะต้องชัดเจนตรงกับประเด็นตามคำท้าโดยที่ศาลไม่ต้องตีความผลดังกล่าวให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดอีก เพราะมิฉะนั้นจะเป็นการถือเอาคำวินิจฉัยของศาลเป็นผลแพ้หรือชนะคดีแทนผลที่ได้จากคำท้า คดีนี้ประเด็นตามคำท้าคือ ลายมือชื่อของจำเลยในหนังสือสัญญากู้เงิน สัญญากู้เงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน คำขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน และตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลย เอกสารหมาย จ.2 ล.1 ถึง ล.4 เมื่อเปรียบเทียบกับลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 แล้วเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ โจทก์และจำเลยไม่ได้ท้ากันว่า ลายมือชื่อในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 เกิดจากการพิมพ์หรือการลงชื่อ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นไปตามคำท้า ซึ่งหากจะให้รับฟังว่าลายมือชื่อที่เกิดจากการพิมพ์ย่อมไม่ใช่การลงชื่ออันแสดงว่าลายมือชื่อดังกล่าวไม่ใช่ของบุคคลคนเดียวกันดังที่จำเลยอ้างในฎีกานั้น เท่ากับว่าศาลจะต้องตีความต่อความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอีกชั้นหนึ่ง การตีความเช่นนี้จึงเป็นคำวินิจฉัยของศาล หาใช่ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในประเด็นที่ตกลงท้ากันไม่ ซึ่งในชั้นท้ากันคู่ความก็ไม่ได้ตกลงยอมให้ศาลตีความต่อความเห็นของผู้เชี่ยวชาญไว้ด้วย ศาลจึงไม่อาจวินิจฉัยความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในชั้นนี้ได้ ที่จำเลยอ้างในฎีกาว่า แม้จะสืบพยานต่อไปก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้นั้น ข้อนี้เป็นเรื่องที่ต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานอันได้จากการสืบพยานของคู่ความซึ่งย่อมประกอบด้วยพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติมจากรายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวด้วย โดยผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากล่าวกันในชั้นสืบพยานต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญไม่เป็นไปตามคำท้า แล้วพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คำฟ้องของโจทก์มีคำขอให้ชำระดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้องรวมอยู่ ดังนั้น แม้โจทก์จะมีคำขอให้ชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องด้วยก็ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในอนาคต ตามตาราง 1 (4) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่โจทก์เสียมา 100 บาท จึงต้องคืนแก่โจทก์
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้น 100 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาสำหรับชั้นนี้ให้เป็นพับ