คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2554 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปรับนายวีรพล ผู้ประกันจำเลย 300,000 บาท ตามสัญญาประกันในคดีนี้เนื่องจากไม่นำตัวจำเลยมารายงานตัวต่อศาลตามกำหนด นายวีรพลไม่ชำระค่าปรับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 76843 มีชื่อนายวีรพลเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระค่าปรับ ต่อมาผู้ร้องที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมของนายวีรพลในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ.487/2555 ของศาลชั้นต้น ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 76843 ก่อนเจ้าหนี้อื่น วันที่ 23 มิถุนายน 2557 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 ผู้ร้องที่ 2 ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องที่ 1 โอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม สินเชื่อและหลักประกันที่มีต่อนายวีรพล ให้แก่ผู้ร้องที่ 2 ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องที่ 2 เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนผู้ร้องที่ 1 ในการได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองต่อไปตามมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541
ผู้ร้องที่ 1 นายวีรพล ผู้ประกันจำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่คัดค้าน
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ
ผู้ร้องที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องที่ 2 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2554 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปรับนายวีรพล ผู้ประกันจำเลย 300,000 บาท ตามสัญญาประกันและเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 76843 มีชื่อนายวีรพลเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อดำเนินการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลวันที่ 8 มิถุนายน 2555 ศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ.487/2555 มีคำพิพากษาตามยอมให้นายวีรพลชำระเงินแก่ผู้ร้องที่ 1 โดยผ่อนชำระเป็นงวดภายใน 3 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หากผิดนัดให้บังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 76843 ได้ทันที ต่อมาวันที่ 23 มิถุนายน 2557 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องที่ 1 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายวีรพลได้รับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 76843 ก่อนเจ้าหนี้อื่น หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ผู้ร้องที่ 1 ทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อนายวีรพลให้แก่ผู้ร้องที่ 2 ตามสัญญาซื้อขายมาตรฐานการประมูลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 ผู้ร้องที่ 2 ยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ.487/2555 ของศาลชั้นต้น แทนผู้ร้องที่ 1 ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวมีคำสั่งอนุญาต และในวันเดียวกันนั้น ผู้ร้องที่ 2 ยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองแทนผู้ร้องที่ 1 ในคดีนี้
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องที่ 2 มีว่า ผู้ร้องที่ 2 มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นแทนผู้ร้องที่ 1 ในคดีนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมของนายวีรพล ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ.487/2555 ของศาลชั้นต้น และเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองในที่ดินโฉนดเลขที่ 76843 ที่มีชื่อนายวีรพลผู้ประกันจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ซึ่งถูกยึดเพื่อขายทอดตลาดในคดีนี้ การที่ผู้ร้องที่ 1 ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองจึงเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล ผู้ร้องที่ 1 ได้รับยกเว้นไม่อยู่ในบังคับบทบัญญัติเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 (5) และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องที่ 1 ได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 76843 ก่อนเจ้าหนี้อื่นแล้ว เมื่อผู้ร้องที่ 1 โอนขายสินทรัพย์และสิทธิเรียกร้องต่าง ๆ ที่มีต่อนายวีรพลรวมทั้งบุริมสิทธิจำนองในที่ดินโฉนดเลขที่ 76843 ให้แก่ผู้ร้องที่ 2 ผู้ร้องที่ 2 ย่อมยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ.487/2555 ของศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นแทนผู้ร้องที่ 1 ในคดีนี้ได้ โดยได้รับยกเว้นไม่อยู่ในบังคับบทบัญญัติเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามมาตรา 144 (5) เช่นเดียวกัน แม้ผู้ร้องที่ 2 ได้ยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนผู้ร้องที่ 1 ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ.487/2555 ของศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องที่ 2 เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนผู้ร้องที่ 1 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 แล้วก็ตาม ผู้ร้องที่ 2 ก็มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้จำนองผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นแทนผู้ร้องที่ 1 ในคดีนี้ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ 2 โดยเห็นว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ.487/2555 ของศาลชั้นต้นนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ร้องที่ 2 ฟังขึ้น ส่วนปัญหาว่ากรณีมีเหตุอันควรอนุญาตให้ผู้ร้องที่ 2 เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นแทนผู้ร้องที่ 1 หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียว โดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองพิจารณาพิพากษาใหม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้ร้องที่ 2 รับโอนสิทธิเรียกร้องที่ผู้ร้องที่ 1 มีต่อนายวีรพลตลอดจนหลักประกันคือที่ดินโฉนดเลขที่ 76843 มาโดยชอบ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องที่ 2 เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนผู้ร้องที่ 1 ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ.487/2555 ของศาลชั้นต้นแล้ว ผู้ร้องที่ 2 ย่อมเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่นแทนผู้ร้องที่ 1 ในคดีนี้ได้
พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องที่ 2 เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นแทนผู้ร้องที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ