โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพรากผู้เสียหายอายุ ๑๗ ปีเศษ ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย แล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายกับฉีกเสื้อของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๓๑๘, ๓๕๘, ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๗, ๑๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๘ วรรคท้าย ให้จำคุก ๔ ปี ผิดมาตรา ๒๗๖ ให้จำคุก ๔ ปี ผิดมาตรา ๓๕๘ ให้จำคุก ๒ เดือน รวมโทษจำคุก ๘ ปี ๒ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยฎีกาว่า ผู้เสียหายไปกับจำเลยโดยยินยอมพร้อมใจกับไม่มีการขู่บังคับ จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหาย เพราะผู้เสียหายยินยอม และเข้าใจว่า ผู้เสียหายมีอายุ ๑๘-๑๙ ปี จึงไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ส่วนเรื่องทำให้เสียทรัพย์ จำเลยรับว่าได้ฉีกเสื้อผู้เสียหายจริง แต่เป็นเสื้อที่จำเลยซื้อมาให้และอยู่นอกกายผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าข้อฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน ๕ ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ จึงไม่รับวินิจฉัย
ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเกิดขึ้นในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ๒ ไม่มีอำนาจสอบสวนความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ฎีกาข้อนี้เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่อยู่ในข้อห้ามตามบทมาตราที่กล่าวแล้วข้างต้น ปัญหาข้อนี้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อย จึงรับวินิจฉัยให้ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปจากบิดามารดาผู้ปกครอง เหตุเกิดในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ๒ บิดาของผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ๒ ต่อมาบิดามารดาผู้เสียหายติดตามไปพบผู้เสียหายที่แฟลตดินแดง ได้ความว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และฉีกเสื้อผู้เสียหาย อันอยู่ในเขตท้องที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ๒ ให้ดำเนินคดีกับจำเลย เห็นว่า จำเลยกระทำผิดหลายกรรม กระทำลงในท้องที่ต่างกัน พนักงานสอบสวนในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องย่อมมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา ๑๔ (๔) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนั้นที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ๒ ทำการสอบสวนคดีนี้เป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน