โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้จำเลยชำระค่าทดแทน 1,026,095.96 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 1,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องและขอให้โจทก์ชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 1,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีนับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าทดแทน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 6 สิงหาคม 2561) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม อาศัยอำนาจตามมาตรา 27 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้เพิกถอนคำสั่งรับฟ้องแย้ง และไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นในส่วนฟ้องแย้งทั้งหมดให้แก่จำเลย คืนค่าขึ้นศาลอนาคตในศาลชั้นต้น 100 บาท ให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยนำเงินค่าขึ้นศาลในส่วนฟ้องแย้ง ซึ่งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษสั่งให้คืนและจำเลยยังไม่ได้รับเงินดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมใช้แทน ถือได้ว่าจำเลยไม่จงใจกระทำฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติว่า "การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย..." ข้อเท็จจริงปรากฏว่าศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้งโดยไม่ได้สั่งคืนค่าขึ้นศาล ซึ่งไม่ถูกต้อง จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง 10,000 บาท มาวางศาลตามรายงานเจ้าหน้าที่และใบรับเงินในราชการศาลยุติธรรมซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งนำฝาก และศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยแล้ว เมื่อเงินค่าขึ้นศาลในส่วนฟ้องแย้ง ซึ่งจำเลยยังไม่ได้รับเงินดังกล่าวคืน 30,100 บาท รวมกับเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ที่จำเลยนำมาวางศาล 10,000 บาท ดังกล่าวเกินกว่าค่าธรรมเนียมใช้แทนที่จำเลยต้องวางศาล ข้อเท็จจริงตามพฤติการณ์ของจำเลยจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 คดีจึงชอบที่จะมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลให้ถูกต้องแล้วมีคำสั่งหรือพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่าจำเลยนำค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ไม่ถูกต้องครบถ้วน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่รับวินิจฉัยให้นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
อนึ่ง เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้วางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนในชั้นอุทธรณ์เป็นเงิน 21,272 บาท มาแล้ว ตามใบรับเงินในราชการศาลยุติธรรม ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 จึงไม่จำต้องให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมใช้แทนให้ถูกต้องครบถ้วนอีก
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษให้ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยใหม่แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไปตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ