โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,318, 319, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางจิตร์ตรา พงษ์ตระกูล มารดานางสาวกรรณิการ์ ยอดญาณะ ผู้เสียหายยื่นคำร้อง ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคหนึ่ง, 318 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพรากผู้เยาว์ จำคุก 4 ปี และฐานข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและนำสืบรับข้อเท็จจริงบางส่วน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยส่วนที่เป็นการพรากผู้เยาว์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319วรรคแรก ให้จำคุก 2 ปี เมื่อรวมโทษจำคุกฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้วจำคุก 6 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิด และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนความผิดฐานพรากผู้เยาว์เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้พาผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปข่มขืนกระทำชำเราจริง และจำเลยฎีกายอมรับว่าผู้เสียหายสมัครใจไปกับจำเลยเอง จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองประกอบด้วย มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย