โจทก์ฟ้องว่า จำเลยดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกพัสดุ กองคลังของโจทก์มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการพัสดุ จำเลยได้รับพัสดุเครื่องมือแพทย์ ๗ หีบห่อจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย แล้วไม่นำไปเก็บรักษาไว้ที่ตึกพัสดุยูนิเซพของโจทก์โดยเฉพาะ แต่ให้นำไปเก็บรักษาไว้ที่ตึกกองโภชนาการซึ่งไม่ปลอดภัยและไม่จัดเวรยามเฝ้า ไม่แจ้งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุทำการตรวจรับเป็นเหตุให้พัสดุสูญหายไป คือกระจกคาดศรีษะที่แพทย์ใช้ส่องปาก ๒ ชิ้น เครื่องมือตรวจวัดความดันโลหิต ๑๘๖ ชิ้น รวมราคา ๗๗,๗๗๘.๙๖ บาท เมื่อพัสดุสูญหายแล้วจำเลยก็เพิกเฉยไม่รายงานผู้บังคับบัญชาและแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโจทก์ทวงถามให้จำเลยชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังอย่างดีที่สุดแล้ว กล่าวคือ เมื่อได้รับพัสดุดังกล่าวมาแล้ว ปรากฏว่าห้องเก็บของที่ตึกพัสดุยูนิเซพมีของเก็บอยู่เต็ม จำเลยจึงได้ไปตรวจดูห้องเก็บของที่ตึกโภชนาการเห็นว่า มีห้องเก็บของที่มีกุญแจและเจ้าหน้าที่ตึกเป็นผู้เก็บรักษากุญแจ จึงฝากเก็บไว้ที่ตึกดังกล่าว และไม่ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแล จำเลยได้จัดให้มีการแปลเอกสารเกี่ยวกับพัสดุเสียก่อน จึงยังมิได้แจ้งให้มีการตรวจรับพัสดุโดยเร็วได้ จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังเพียงพอแล้ว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุที่จำเลยไม่เก็บพัสดุรายพิพาทไว้ที่ตึกพัสดุยูนิเซพก็ปรากฏว่าตึกดังกล่าวมีของเก็บอยู่เต็ม จึงไม่อาจถือเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยได้ ส่วนที่จำเลยเก็บพัสดุดังกล่าวไว้ที่ห้องเก็บของตึกโภชนาการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชานั้นก็ฟังไม่ได้ว่ามีระเบียบให้จำเลยต้องปฏิบัติเช่นนั้น การที่จำเลยมิได้ขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาจึงมิใช่เป็นความผิดของจำเลย สำหรับความปลอดภัยในการเก็บพัสดุที่ตึกกองโภชนาการนั้นก็ปรากฏว่า ห้องเก็บของดังกล่าวอยู่ชั้นล่างเป็นห้องไม่มีหน้าต่าง มีประตู ๒ ประตู ประตูหนึ่งใส่กลอนไว้ อีกประตูหนึ่งมีกุญแจลูกบิดห้องดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่เก็บรักษาลูกกุญแจ ชั้นบนห้องดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ทำงาน หลังเลิกงานมีเวรยามของกรมดูแล ถือได้ว่าเป็นห้องที่มีความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยเพียงพอ และที่จำเลยไม่จัดเวรยามเฝ้า จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่ออีกเช่นกัน การแจ้งแก่คณะกรรมการตรวจรับ จำเลยได้แจ้งหลังจากเก็บของไว้ประมาณ ๑๐ วัน เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบและจัดแปลเอกสาร ก็มิได้เนิ่นนานเกินสมควรและไม่อาจถือเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยได้ ส่วนที่จำเลยมิได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนทันทีที่ทราบว่าของหายนั้นก็เป็นเรื่องภายหลัง มิใช่เหตุแห่งความเสียหายจากพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว มิได้ประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด
พิพากษายืน.