โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 354 ให้จำเลยคืนเงิน 35,000,000 บาท แก่ทายาทของนางประภาศรีเจ้ามรดก และให้พิพากษาว่าจำเลยถูกกำจัดมิให้รับมรดกทั้งหมด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนมูลฟ้อง
ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง และอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ในคดีส่วนแพ่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ แต่โจทก์มิได้ชำระค่าขึ้นศาลภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคดีส่วนแพ่งว่า โจทก์ทิ้งอุทธรณ์ รับอุทธรณ์คำสั่งเฉพาะในคดีส่วนอาญา
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในคดีส่วนแพ่ง และอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ส่งอุทธรณ์คำสั่งฉบับลงวันที่ 3 มกราคม 2562 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ทำคำพิพากษาเสร็จแล้วส่งไปให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟัง โดยศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 วันที่ 24 กรกฎาคม 2562 เวลา 9 นาฬิกา วันที่ 23 กรกฎาคม 2562 โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์กับจำเลยตกลงกันได้ โจทก์ไม่ประสงค์ดำเนินคดีอีกต่อไป ขอถอนฟ้อง ถึงวันนัดทนายโจทก์มาศาล แถลงว่าโจทก์กับจำเลยตกลงกันได้ จึงไม่ประสงค์ดำเนินคดีต่อไป ขอถอนฟ้องตามคำร้องลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ส่งคำร้องพร้อมสำนวนและซองคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อพิจารณา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ทำคำสั่งเสร็จแล้วส่งไปให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟัง โดยศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 วันที่ 22 ตุลาคม 2562 เวลา 9 นาฬิกา วันที่ 17 ตุลาคม 2562 โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอถอนฟ้อง และขอให้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ศาลชั้นต้นได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ส่งคำร้องพร้อมสำนวนและซองคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อพิจารณา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งสองฉบับ ฉบับแรกมีคำสั่งว่า ตามคำร้องขอถอนฟ้องฉบับลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 โจทก์ขอถอนฟ้องโดยอ้างว่า โจทก์กับจำเลยสามารถตกลงกันได้แล้ว กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ถอนคำร้องขอถอนฟ้อง ให้ยกคำร้อง และมีคำสั่งฉบับที่สองว่า คดีอาญาเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวและยังไม่ถึงที่สุด จึงอนุญาตให้ถอนฟ้องในคดีส่วนอาญา สำหรับคดีส่วนแพ่งการที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีอาญาให้ยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคหนึ่ง ถือได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีส่วนแพ่งแล้วว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ และให้ยกฟ้องคดีส่วนแพ่งด้วย คดีส่วนแพ่งจึงล่วงเลยระยะเวลาขอถอนฟ้องแล้ว แต่ถือได้ว่าโจทก์ขอถอนอุทธรณ์ จึงอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์ ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ในคดีส่วนแพ่งค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ เมื่อโจทก์ไม่อาจถอนฟ้องคดีในส่วนแพ่งได้ กรณีไม่มีเหตุคืนค่าธรรมเนียมศาลในศาลชั้นต้นเป็นกรณีพิเศษให้โจทก์ได้ ยกคำร้องในส่วนนี้
โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำร้องขอถอนฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำร้องขอถอนฟ้องชอบหรือไม่ เห็นว่า การถอนคำร้องขอถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีอำนาจใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่ประการใดตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เห็นสมควร คดีนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ทำคำพิพากษาเสร็จแล้วส่งไปให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟัง ก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 หนึ่งวัน โจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์กับจำเลยตกลงกันได้ ไม่ประสงค์ดำเนินคดีอีกต่อไป ขอถอนฟ้อง ครั้นศาลอุทธรณ์ภาค 2 ทำคำสั่งเสร็จแล้วส่งไปให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟัง ก่อนวันอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ห้าวัน โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอถอนฟ้อง และขอให้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์มีเหตุผลในการถอนคำร้องขอถอนฟ้องอย่างไร แม้โจทก์ขอถอนคำร้องขอถอนฟ้องก่อนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ก็อยู่ในดุลพินิจที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควร ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เห็นว่าโจทก์กับจำเลยสามารถตกลงกันได้แล้ว ไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์ถอนคำร้องขอถอนฟ้อง ย่อมเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่จะทำได้ คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำร้องขอถอนฟ้องชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน