โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าอันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย ต่อมาผู้เสียหายนำเช็คเข้าเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 เรียงกระทงลงโทษให้จำคุกกระทงละ 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78หนึ่งในสาม คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวมจำคุก 16 เดือน ให้ยกฟ้อง ข้อ ก.
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "แม้เดิมจำเลยจะออกเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1และ จ.3 เพื่อประกันหนี้ตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.ร.2 หรือ ล.4อันมีผลให้จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 แต่เมื่อโจทก์ร่วมกับจำเลยตกลงยกเลิกบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.ร.2 หรือ ล.4 แล้วทำบันทึกข้อตกลงกันใหม่ตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.ร.3 และตกลงให้นำเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 และ จ.3 มาชำระหนี้ ก็ต้องถือว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 และ จ.3 เพื่อชำระหนี้ตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.ร.3อันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย กรณีหาใช่โจทก์ร่วมกับจำเลยตกลงกันใหม่เพื่อไม่ให้คดีอาญาระงับดังที่จำเลยอุทธรณ์ไม่เมื่อเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 และ จ.3 ถึงกำหนด โจทก์ร่วมนำไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น