โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ที่อยู่อาศัย) เลขที่ 7994 และ (ที่ทำกิน) เลขที่ 1408 แก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา คู่ความตกลงท้ากันว่าโจทก์และจำเลยยินยอมไปตรวจดีเอ็นเอว่า โจทก์และจำเลยเป็นบุตรของนางนวล หรือไม่ โดยให้แพทย์โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ทำการตรวจ หากผลการตรวจปรากฏว่าโจทก์และจำเลยเป็นบุตรของนางนวล จำเลยยอมแพ้และยินยอมมอบต้นฉบับหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน เลขที่ 7994 แก่โจทก์ แต่หากผลการตรวจปรากฏว่าจำเลยเป็นบุตรของนางนวลคนเดียว โจทก์ยอมแพ้และยินยอมถอนฟ้อง ถ้าฝ่ายใดไม่ไปตรวจดีเอ็นเอโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ถือว่าข้อเท็จจริงเป็นไปดังที่คู่ความอีกฝ่ายกล่าวอ้าง และฝ่ายที่ไม่ไปตรวจยอมแพ้คดี โดยไม่ติดใจสืบพยานอื่นอีกต่อไป ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เป็นไปตามที่คู่ความท้ากัน กำหนดนัดตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 5 เมษายน 2561 ต่อมาโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์แจ้งว่าไม่พร้อมให้บริการตรวจดีเอ็นเอ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือไปยังโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ทำการตรวจดีเอ็นเอแทน ศาลชั้นต้นอนุญาตและแจ้งคำสั่งให้โจทก์ทราบว่าได้เปลี่ยนสถานที่ตรวจจากเดิมเป็นโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 5 มิถุนายน 2561 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องและนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 8 มิถุนายน 2561 เวลา 9 นาฬิกา
ศาลชั้นต้นพิจารณา เห็นว่า โจทก์ไม่ได้ไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ตามกำหนดนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร โจทก์ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมไว้รวมสั่งเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนอกคำท้าโดยไม่ชอบหรือไม่ เห็นว่า โจทก์และจำเลยตกลงท้ากันให้ถือเอาผลการตรวจดีเอ็นเอว่าโจทก์และจำเลยเป็นบุตรของนางนวลหรือจำเลยคนเดียวเป็นบุตรของนางนวล เป็นข้อแพ้ชนะคดีโดยกำหนดให้แพทย์โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ทำการตรวจ อันเป็นเงื่อนไขสำคัญอย่างหนึ่งของคำท้า เมื่อโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ไม่พร้อมให้บริการตรวจดีเอ็นเอ จึงเป็นกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขในคำท้าได้ ดังนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยต่อไป การที่จำเลยฝ่ายเดียวยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น เป็นผู้ตรวจดีเอ็นเอ เป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสำคัญของคำท้าและนอกเหนือคำท้า ซึ่งจะต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ด้วย เพราะคำท้าของคู่ความนั้นจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือยกเลิกได้ก็โดยคู่ความตกลงกันเท่านั้น จำเลยหาอาจเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือยกเลิกคำท้าแต่เพียงฝ่ายเดียวได้ไม่ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้น มีคำสั่งอนุญาตให้โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น เป็นผู้ตรวจดีเอ็นเอแทนตามคำร้องของจำเลย โดยมิได้สอบถามความประสงค์ของโจทก์ก่อนและโจทก์มิได้ตกลงยินยอมด้วย จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่ได้ไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น โดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรและพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น เป็นการพิพากษานอกคำท้าโดยไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ