โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์สาขาบางแคโดยจำเลยได้จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 59463 ตำบลบางขุนเทียน (บางปะทุน)อำเภอบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อเป็นประกันหนี้ดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยหากจำเลยไม่ชำระขอให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้หากไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือในการบอกกล่าวให้ชำระหนี้ และบังคับจำนองแก่จำเลย จึงไม่มีผลบังคับตามกฎหมายจำเลยมีภูมิลำเนาแน่นอนโจทก์ก็ทราบดี การส่งคำบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนองทางไปรษณีย์ครั้งแรกไม่ได้ โจทก์สามารถใช้วิธีส่งทางไปรษณีย์ซ้ำได้ แต่โจทก์กลับประกาศทางหนังสือพิมพ์ไม่แพร่หลายถือไม่ได้ว่าโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนองโดยชอบขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองตามฟ้องขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่เคยได้รับการบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ได้รับใบแจ้งของไปรษณีย์ที่สั่งให้จำเลยไปรับจดหมาย ต่อมา จำเลยได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่แห่งใหม่โจทก์ต้องส่งคำบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังภูมิลำเนาแห่งใหม่ของจำเลย แต่โจทก์กลับใช้วิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์รายวันเป็นการไม่ชอบนั้น โจทก์มีนายธงฉัตร จันทร์ปรุงทนายโจทก์เป็นพยานเบิกความว่า จำเลยเป็นลูกหนี้ของโจทก์สาขาบางแค และสาขายานนาวาทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยคิดถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2528 เป็นเงินรวม402,790.52 บาท โจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้พยานบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนองไปยังจำเลย พยานส่งหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนอง ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2529 ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังจำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลย บ้านเลขที่ 10/82ตำบล(แขวง)บางแคเหนือ อำเภอ(เขต)ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานครปรากฏว่าส่งไม่ได้ ได้รับแจ้งจากทางไปรษณีย์ว่าจำเลยไม่มารับภายในกำหนด ตามหนังสือบอกกล่าว และซองจดหมายกับใบตอบรับ หลังจากนั้นวันที่ 8 เมษายน 2529 พยานได้ไปคัดสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยปรากฏว่ายังมีชื่อของจำเลยอยู่ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว ตามสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย จ.4 ต่อมาพยานจึงได้ส่งคำบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนองแก่จำเลย โดยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์สยามรายวัน ประจำวันที่ 26 พฤษภาคม 2531 แต่จำเลยก็ไม่ชำระหนี้เห็นว่า โจทก์มิได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทางหนังสือพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียว แต่โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับก่อนแล้ว การบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับนั้น เป็นการส่งไปยังจำเลยณ ภูมิลำเนาของจำเลยตามที่ปรากฏในหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน และสัญญากู้เงินที่จำเลยให้ไว้แก่โจทก์ การที่จำเลยย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 126/59 หมู่ที่ 3 แขวงบางขุนเทียนเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2530นั้น จำเลยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบแต่อย่างใด ทั้งเป็นการย้ายไปภายหลังที่โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้ว บ้านเลขที่ 10/82 ดังกล่าวจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลยในขณะโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนอง เมื่อโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ แต่พนักงานไปรษณีย์ส่งให้ไม่ได้จึงทำใบแจ้งสั่งให้จำเลยไปรับไว้ และครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ไปรับ อันเป็นการส่งตามทางการ ถือว่าจำเลยได้รับคำบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า หนังสือมอบอำนาจให้บอกกล่าวบังคับจำนองของโจทก์ ตามหนังสือมอบอำนาจทั่วไปทำขึ้นภายหลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การแล้วนั้น ในข้อนี้นายธงฉัตรทนายโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า หนังสือมอบอำนาจทั่วไปจะทำขึ้นก่อนฟ้อง หรือหลังฟ้องจำไม่ได้ อาจจะทำขึ้นหลังจากบอกกล่าวให้จำเลยทราบแล้วก็ได้เพราะเป็นเวลานานตั้งแต่ปี 2529 เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าการที่โจทก์มอบอำนาจให้นายธงฉัตรทนายโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองมิได้ทำเป็นหนังสือ เมื่อนายธงฉัตรได้บอกกล่าวบังคับจำนองไปในนามของโจทก์ และโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้วย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 823 วรรคหนึ่ง และถือได้ว่าโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
พิพากษายืน