โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองรับซื้อฝากที่ดินพร้อมบ้านจากนางเขีย มารดาจำเลยเมื่อครบกำหนดแล้วนางเขียวมิได้ไถ่ถอน โจทก์จึงขายที่ดินแก่นางหัชวรรณ บ้านยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้บังคับให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นทายาทผู้รับมรดกของนางเขียวนิติกรรมขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางนิติกรรมจำนอง บ้านจึงยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำสืบก่อนโดยนัดสืบพยานจำเลยวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๒๖ ถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาลตามเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้น มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว และเลื่อนไปสืบพยานโจทก์วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๖ ถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องว่าไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นนัดไต่สวน
โจทก์ทั้งสองยื่นคำแถลงคัดค้านว่า จำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันนัดไต่สวนว่า จำเลยจงใจไม่มาศาลไม่มีเหตุที่จะขอพิจารณาใหม่ ให้ยกคำร้อง คดีพิวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานโจทก์ ให้งดสืบพยานโจทก์พิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท
จำเลยยื่นคำแถลงคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น
ต่อมาวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๖ จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้อง ขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๒๖ ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก และจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนนั้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินไปฝ่ายเดียวจึงให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๖ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา ในวันนัดสืบพยานโจทก์นั้นจำเลยได้ยื่นคำร้องว่าไม่ได้จงใจขาดนัดและมีเหตุสมควร ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดไต่สวนและมีคำสั่งว่า จำเลยไม่ได้ขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นได้สั่งนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยในวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ เมื่อถึงวันนัดไต่สวนดังกล่าวแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าวันนัดสืบพยานจำเลยเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๒๖ นั้น จำเลยทราบวันนัดโดยชอบแล้วแต่ไม่มาศาลตามกำหนดนัด โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง และไม่ได้ขอเลื่อนคดีถือได้ว่าจำเลยจงใจไม่มาศาล จึงไม่มีเหตุที่จะขอพิจารณาใหม่ และศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาชี้ขาดข้อพิพาทในวันนั้น ต่อมาในวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๖ จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ต่อศาลชั้นต้น การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๖ นั้น เห็นว่าไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาเพราะว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ ว่าจำเลยจงใจไม่มาศาลนั้นทำให้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๐๕ (๓) ประกอบด้วยมาตรา ๒๐๗ (๓) ถ้าจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้น ไม่ใช่มายื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ เพราะเป็นการต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
พิพากษากลับให้ยกคำร้องของจำเลย