โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2538 โจทก์ทำหนังสือและจดทะเบียนให้โดยเสน่หาซึ่งที่ดินเฉพาะส่วนตามโฉนดที่ดินเลขที่ 59111 และ 59027 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีและที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 814และ 874 เลขที่ดิน 8 และ 7 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีรวมราคา 1,330,000 บาท แก่นายจิรวัฒน์ อยู่วิทยา บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ ต่อมาวันที่ 27 ตุลาคม 2541 เจ้าพนักงานของจำเลยที่ 2 มีหนังสือถึงโจทก์แจ้งให้ส่งสำเนาสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.40)และใบเสร็จรับเงิน โจทก์จึงยื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะและใบแจ้งการค้างชำระภาษีอากร (บ.ช.35) ตามคำแนะนำของเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 2 และชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ เงินเพิ่มและภาษีส่วนท้องถิ่น รวมจำนวน 67,590.60 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสอง โจทก์เห็นว่าโจทก์มิได้ประกอบกิจการและไม่มีรายรับหรือพึงได้รับเป็นตัวเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อประมวลรัษฎากรและขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญโจทก์จึงไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิเรียกเก็บภาษีจำนวน 67,590.60 บาท จากโจทก์ และต้องคืนเงินภาษีดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยที่ 2รับเงินไว้ถึงวันฟ้อง โจทก์มีหนังสือทวงถามจำเลยทั้งสองแล้วแต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้ศาลพิพากษาว่า พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 ลงวันที่ 25 ธันวาคม2534 ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายขัดต่อประมวลรัษฎากร และขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตกเป็นโมฆะ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าภาษีจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า หากโจทก์เห็นว่า โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี โจทก์ต้องยื่นคำร้องขอคืนภาษีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดตามแบบคำร้องขอคืนภาษีตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดการที่โจทก์มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและอธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยมิใช้แบบคำร้องดังกล่าวและมิได้ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ที่โจทก์มีภูมิลำเนา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การให้ที่ดินระหว่างโจทก์กับนายจิรวัฒน์ อยู่วิทยา ถือเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรและต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามกฎหมายส่วนพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244)พ.ศ. 2534 มิได้บัญญัติยกเว้นกรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอคืนเงินภาษีจำนวนตามฟ้อง และไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยทั้งสองขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำฟ้อง คำให้การ คำแถลงของทนายจำเลยทั้งสอง และพยานเอกสารของคู่ความว่าเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2538 โจทก์ทำหนังสือและจดทะเบียนให้ที่ดินเฉพาะส่วนแก่นายจิรวัฒน์ อยู่วิทยา ซึ่งเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ เป็นที่ดินตามโฉนดเลขที่ 59111และ 59027 หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 814และ 874 เล่ม 9 ก หน้า 14 ระวางรูปถ่ายทางอากาศชื่อบ้านจอมพล หมายเลข 5235 แผ่นที่ 143 เลขที่ดิน 8 และ 7 ตั้งอยู่ที่ตำบลบ่อวินอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โจทก์ตีราคาทุนทรัพย์ในการจดทะเบียน1,330,000 บาท ต่อมาวันที่ 27 ตุลาคม 2541 จำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือถึงโจทก์ขอทราบรายละเอียดการขายอสังหาริมทรัพย์และให้โจทก์นำส่งสำเนาสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว แบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ และใบเสร็จรับเงิน โจทก์กลัวว่าจะกระทำผิดกฎหมายจึงยื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ และใบแจ้งการค้างชำระภาษีอากรต่อจำเลยที่ 2 โดยโจทก์ชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ เงินเพิ่ม และภาษีส่วนท้องถิ่นให้แก่จำเลยที่ 2 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 67,590.60 บาทต่อมาโจทก์เห็นว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจึงมีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 2 คืนเงินค่าภาษีธุรกิจเฉพาะจำนวน 67,590.60 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย โดยมิได้ยื่นคำร้องขอคืนภาษี
คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์อ้างว่าตนไม่มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะเงินเพิ่มและภาษีส่วนท้องถิ่นจำนวน67,590.60 บาท แต่ได้ชำระภาษีอากรจำนวนดังกล่าวแก่จำเลยที่ 2 ไว้ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวคืน กรณีของโจทก์เป็นเรื่องการขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะซึ่งโจทก์ต้องยื่นคำร้องขอคืนตามหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาที่กำหนดไว้ก่อน โจทก์จึงจะนำคดีมาฟ้องต่อศาลภาษีอากรได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 9 แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์รับว่าก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีที่ตนไม่มีหน้าที่ต้องเสีย จึงเป็นกรณีที่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โจทก์จึงไม่อาจนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้
พิพากษายืน