ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขกฎหมายกระทำชำเรา/อนาจารหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลฎีกาพิพากษายืนโทษเดิม
เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นชอบที่จะส่งอุทธรณ์ดังกล่าวไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาตามลำดับชั้นศาล แต่ศาลชั้นต้นกลับส่งอุทธรณ์นั้นมายังศาลฎีกา อันเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 198 วรรคสอง แต่เมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา
แม้ในภายหลังมี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 27) พ.ศ. 2562 ออกใช้บังคับ โดยมาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (18) ของมาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา "(18) "กระทำชำเรา" หมายความว่า กระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น" และมาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 276 แห่ง ป.อ. และให้ใช้ความใหม่แทน โดยความใหม่มิได้บัญญัติให้การใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่นเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราก็ตาม แต่มาตรา 9 ให้ยกเลิกความในมาตรา 279 แห่ง ป.อ. และให้ใช้ความใหม่แทน โดยวรรคสี่บัญญัติว่า "ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสาม เป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของเด็กนั้น ผู้กระทำต้องระวางโทษ..." ดังนั้น จากบทบัญญัติของกฎหมายที่แก้ไขใหม่ดังกล่าว ยังคงบัญญัติว่า การกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่น ซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของเด็กยังเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารโดยการล่วงล้ำอยู่ จึงเป็นกรณีกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 3 (1) มิได้เป็นเรื่องกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังให้การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไปตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง ซึ่งเมื่อคดีของจำเลยถึงที่สุดแล้ว และโทษที่กำหนดสำหรับความผิดฐานกระทำอนาจารโดยการล่วงล้ำซึ่งเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีตาม ป.อ. มาตรา 279 วรรคห้า (ที่แก้ไขใหม่) มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต โทษจำคุกขั้นสูงตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังจึงหนักกว่าโทษที่กำหนดตามคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลจึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยใหม่ตาม ป.อ. มาตรา 3 (1) ด้วย จำเลยจึงไม่พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และการลงโทษดังกล่าวนั้นมิได้สิ้นสุดลง