ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 34, 87 ปรับ2,000 บาท และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนด 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษปรับ 2,000 บาท และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนด 5 ปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฉะนั้นในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนภายในกำหนดสามเดือนนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนด ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.4 แผ่นที่ 2 แต่จำเลยไม่ได้ส่งหลักฐานการจ่ายเงินให้ครบถ้วน มีปัญหาว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 34 บัญญัติว่า"ภายในกำหนดสามเดือนหลังจากวันประกาศผลการเลือกตั้งผู้สมัครต้องยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ถูกต้องตามความเป็นจริงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดที่ตนสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งได้แก่
(1) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ได้จ่ายไปแล้ว
(2) ........................................
(3) หลักฐานการจ่ายเงินตาม (1) และหลักฐานการค้างชำระตาม (2)ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการแสดงชื่อและที่อยู่ของผู้รับหรือเจ้าหนี้ ฯลฯ"
มาตรา 87 บัญญัติว่า "ผู้สมัครผู้ใดไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในกำหนดตามมาตรา 34 หรือยื่นรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน" เห็นได้ว่า การกระทำผิดที่จะต้องรับโทษตามมาตรา 87 มี 2 กรณีด้วยกัน คือกรณีที่ไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในกำหนด 3 เดือน หลังจากวันประกาศผลการเลือกตั้งตามมาตรา 34 และกรณีที่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นเท็จข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้ยื่นรายการค่าใช้จ่ายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในกำหนดที่บัญญัติไว้ในมาตรา 34 แล้ว จึงมีปัญหาว่า ที่จำเลยยื่นรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าวโดยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินครบถ้วน จะถือได้ว่าเป็นการยื่นรายการเท็จหรือไม่ เห็นว่าพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 ไม่มีบทบัญญัติมาตราใดบัญญัติไว้ว่า การยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินหรือมีหลักฐานการจ่ายเงินไม่ครบถ้วนตามมาตรา 34(3) ให้ถือว่าการยื่นรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นเท็จตามมาตรา 87 แต่อย่างใด ทั้งโจทก์ก็นำสืบไม่ได้ว่ารายการค่าใช้จ่ายที่จำเลยยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเอกสารหมาย จ.4 แผ่นที่ 2 นั้น รายการใดเป็นเท็จหรือไม่ตรงกับค่าใช้จ่ายที่จำเลยได้จ่ายไปจริงอย่างไร จำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 87 การที่จำเลยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินมาแสดงตามรายการที่ยื่นไว้ให้ครบถ้วนตามบทบัญญัติมาตรา 34(3) เป็นเพียงการยื่นที่บกพร่องหรือไม่สมบูรณ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น ซึ่งกรณีเช่นนี้ไม่มีบทบัญญัติกำหนดโทษไว้ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์