โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 4, 5, 6, 7, 17, 29, 89, 92, 108, 109, 112, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 ริบของกลาง และจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 17, 29, 89 วรรคหนึ่ง, 92 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ที่ถูก ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90) จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ริบของกลาง จ่ายเงินสินบนนำจับให้แก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งจากเงินค่าขายของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีสิ่งแวดล้อม พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุสมควรลงโทษจำเลยในสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองเพื่อค้าเป็นจำนวนรวมกันมากถึง 56 ตัว ทั้งเป็นการค้าผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยภายหลังลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกเพียง 1 ปี นั้น นับว่าเป็นการลงโทษในสถานเบาและเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะใช้ดุลพินิจเปลี่ยนแปลงแก้ไขและที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกไว้นั้น เห็นว่า สัตว์ป่ามีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความสมดุลให้แก่ระบบนิเวศ โดยเฉพาะบทบาทในการควบคุมสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในระบบนิเวศไม่ให้มีมากเกินไปจนเสียความสมดุล การที่จำเลยค้าซากตะกวดและซากกระรอกหน้ากระแตอันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองซึ่งโดยสภาพแล้วมิใช่สินค้าปศุสัตว์เพื่อการบริโภคให้แก่ประชาชนทั่วไปด้วยการประกาศหรือโฆษณาในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศย่อมเป็นการสนับสนุนให้ผู้ที่นิยมบริโภคเนื้อสัตว์ป่ามีช่องทางหาเนื้อสัตว์ป่ามาบริโภคได้สะดวกขึ้น ยิ่งเนื้อสัตว์ป่าเป็นที่ต้องการของตลาดมากเพียงใดก็ยิ่งส่งเสริมให้มีการลักลอบล่าสัตว์ป่ามากขึ้นจนเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนจนไม่ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญในการอนุรักษ์สัตว์ป่าให้ดำรงชีวิตอยู่ตามธรรมชาติเพื่อคงความสมดุลของระบบนิเวศ พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน มีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่นดังที่ยกขึ้นอ้างมาในฎีกา ก็ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกไว้ ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดโทษมาและไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 4 ให้คำนิยามของคำว่า "ค้า" ว่า หมายความว่า ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน จำหน่าย จ่าย แจก หรือโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงมีหรือแสดงไว้ซึ่งสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าเพื่อการค้า การประกาศหรือโฆษณาหรือนำเสนอทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือสื่อใด ๆ เพื่อการค้าด้วย ดังนั้น การที่จำเลยมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองของกลางดังกล่าวโดยการประกาศหรือโฆษณาในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงเป็นความผิดฐานค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองเพียงบทเดียว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกบทหนึ่งด้วยนั้น จึงไม่ถูกต้อง และตามมาตรา 108 บัญญัติให้ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับตามคำพิพากษาโดยจ่ายจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล คดีนี้เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่มีโทษปรับย่อมไม่อาจจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของเงินค่าขายของกลาง จึงไม่ถูกต้องเช่นเดียวกัน ปัญหาทั้งสองเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานค้าซากสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 29, 89 วรรคหนึ่ง เพียงบทเดียว กับให้ยกคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9