คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่  17  ธันวาคม  2508  เวลากลางวันจำเลยบังอาจใช้ปืนยิงนายโชติ สุรินทร์ โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกศีรษะนายโชติถึงแก่ความตายทันทีขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การว่า กระบือของจำเลยหายไป สืบทราบว่าผู้ตายเป็นคนลักจำเลยขอไถ่กระบือคืน ผู้ตายไม่ให้ จึงพูดท้าทายเกิดทะเลาะวิวาทกัน ผู้ตายชักปืนจะยิงจำเลย จำเลยจึงยิงผู้ตายไป  1  นัด เพื่อป้องกันชีวิต กระสุนปืนของจำเลยถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยยิงผู้ตายขณะผู้ตายหันด้านข้างให้และกำลังล้วงกระเป๋าไม่ใช่ยิงขณะผู้ตายเอาปืนชี้จ้องมาทางจำเลยพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288  วางโทษจำคุก  15  ปี จำเลยเข้ามอบตัวและคำให้การชั้นสอบสวนชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้  1  ใน  3  ตามมาตรา78 คงจำคุก  10  ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกับผู้ตายเกิดท้าทายกัน ผู้ตายชักปืนจะยิงแต่จำเลยยิงไปเสียก่อน แล้ววินิจฉัยว่าการที่จำเลยยิงผู้ตายนั้นเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ เห็นว่า จำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่ลักกระบือของจำเลย วันเกิดเหตุจำเลยเห็นผู้ตายเดินผ่านไป จำเลยจึงกลับบ้านเอาปืนลูกซองออกติดตามผู้ตายไปถึงที่เกิดเหตุได้พูดกันถึงเรื่องกระบือที่หายแล้วเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยได้ปลดปืนจากไหล่เตรียมยิงอยู่ก่อนแล้ว พอผู้ตายล้วงปืนออกมา จำเลยก็ยิงไปทันที ที่จำเลยต่อสู้ว่าผู้ตายชักปืนออกมาก่อนจำเลยจึงลดปืนจากไหล่นั้น ไม่น่าเชื่อ ถ้าเป็นดังจำเลยว่า จำเลยต้องถูกยิงก่อนโดยไม่ต้องสงสัย  เพราะปืนของผู้ตายเป็นปืนสั้นสามารถใช้ยิงได้คล่องแคล่วกว่าปืนยาวลูกซองของจำเลย พฤติการณ์ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว
พิพากษายืน