โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันเวลาใดไม่ทราบแน่ชัด จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยวิธีสูบเข้าสู่ร่างกายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 91 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1894/2545 ของศาลจังหวัดอุดรธานี
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์อ้างเป็นเหตุขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 57, 91 ลงโทษจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1894/2545 ของศาลจังหวัดอุดรธานี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์บรรยายฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ คดีนี้โจทก์ยื่นคำฟ้องเป็นหนังสือโดยบรรยายฟ้องว่า เมื่อวันเวลาใดไม่ทราบแน่ชัด จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยวิธีสูบเข้าสู่ร่างกาย โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ต่อมาวันที่ 26 มกราคม 2547 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้นำส่งพนักงานสอบสวน เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) บัญญัติให้ฟ้องต้องมีการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ พอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้คำฟ้องของโจทก์คดีนี้มิได้ระบุถึงวันที่หรือเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิด แต่ในตอนท้ายของคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่า พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องและฝากขังจำเลยไว้ต่อศาลนี้แล้ว โดยได้แนบคำให้การจำเลยในชั้นสอบสวนซึ่งจำเลยได้ให้การว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2547 เวลา 18 นาฬิกา จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนที่บ้านของจำเลยจำนวน 1 เม็ด ฯลฯ ตามคำร้องที่ ผ.28/2547 ซึ่งพออนุโลมได้ว่าเป็นส่วนประกอบของคำฟ้อง เมื่อปรากฏว่าในสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ ผ.28/2547 ซึ่งติดอยู่ตอนหน้าของสำนวนคดีนี้นั้น ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอุดรธานีที่ขอผัดฟ้องและฝากขังจำเลยในขณะเป็นผู้ต้องหาได้ระบุว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2547 เวลา 16.30 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจพบผู้ต้องหาจึงได้นำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องหากับสารเคมีให้ผลเป็นสีม่วง ซึ่งจำเลยไม่ค้าน จำเลยย่อมจะเข้าใจได้ดีว่าวันที่หรือเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดคือเมื่อใด จึงให้การรับสารภาพ ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่าเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์และพิพากษากลับให้ยกฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่เนื่องจากศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยังมิได้วินิจฉัยปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลย กรณีจึงเป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ทำการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบด้วยมาตรา 225"
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี