โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน จำเลยทั้งสองร่วมกันปลูกสร้างอาคารและรั้วสังกะสีรุกล้ำเขตที่ดินดังกล่าว ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำออกไปให้พ้นเขตที่ดิน และห้ามจำเลยทั้งสองกับบริวารเข้ามายุ่งเกี่ยวในที่ดินดังกล่าวต่อไป
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนรั้วสังกะสีและระเบียงบ้านส่วนที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า ป.วิ.พ. มาตรา 55 บัญญัติว่า เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่ง หรือบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาล บุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแพ่งและประมวลกฎหมายนี้ ไม่มีบทบัญญัติใดที่บัญญัติว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์เท่านั้นที่จะมีอำนาจฟ้องร้องเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนได้ การจะฟ้องร้องได้หรือไม่จึงต้องพิจารณาถึงว่าผู้ที่ฟ้องร้องมีสิทธิในทรัพย์สินนั้นเพียงไรและได้รับความเสียหายเกี่ยวกับสิทธินั้นหรือไม่เป็นข้อสำคัญ
สำหรับคดีนี้ตาม พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5 และ 11 ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ในมาตรา 12 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งมีกฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2525) ข้อ 8 ยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. 2519) ข้อ 14 วรรคหนึ่ง และใช้ความใหม่แทน ระบุให้กระทรวง ทบวง กรม หรือองค์การปกครองท้องถิ่นซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้หรือครอบครองที่ราชพัสดุดูแลและบำรุงรักษาที่ราชพัสดุเสมอด้วยวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง และจะต้องอนุญาตให้ผู้แทนของกรมธนารักษ์เข้าตรวจทรัพย์สินที่ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือครอบครองเป็นครั้งคราวในเวลาและระยะอันควร เมื่อโจทก์เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้หรือครอบครองที่ราชพัสดุจากระทรวงการคลัง ย่อมต้องมีหน้าที่ดูแลและบำรุงรักษาที่ราชพัสดุด้วยตามกฎหมาย ดังนั้น เมื่อจำเลยทั้งสองมาปลูกอาคารและรั้วสังกะสีรุกล้ำเข้ามาในที่ดินพิพาท กระทรวงการคลังจึงเป็นผู้เสียหายโดยตรงย่อมมีอำนาจฟ้องได้ ส่วนโจทก์เป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาย่อมมีอำนาจหน้าที่ในที่ดินพิพาทนั้น ซึ่งโจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่าการปลูกสร้างรุกล้ำดังกล่าวเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของโจทก์ เมื่อจำเลยทั้งสองโต้แย้งว่าไม่ได้ปลูกสร้างอาคารและรั้วสังกะสีรุกล้ำที่ดินพิพาทที่โจทก์ครอบครอง ย่อมถือได้ว่า จำเลยทั้งสองได้โต้แย้งสิทธิครอบครองของโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ด้วย
พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้รวม 2,000 บาท.