โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๗๑, ๓๙๒, ๘๐, ๙๑, ๓๓ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๕๗, ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ, ๗๒ ทวิ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ และมาตรา ๕๓, ๓๗๑, ๓๙๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก ๓๓ ปี ๔ เดือน ฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ จำคุก ๑ เดือน ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มี โทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๔ เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ (๓) ข้อหาเสพแอมเฟตามีนให้ยก ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรคสอง ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก ๒ ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก ๑ ปี รวมจำคุก ๓ ปี เมื่อรวมกับโทษฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตด้วยแล้วเป็นจำคุก ๓ ปี ๕ เดือน เห็นว่าจำเลยเป็นผู้มีจิตบกพร่องและไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนควรให้โอกาสจำเลยบำบัดรักษาเพื่อจะได้หายเป็นปกติและเป็นพลเมืองดีต่อไป โทษจำคุกเห็นสมควรรอการลงโทษไว้ มีกำหนด ๓ ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ โดยให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติและไปบำบัดรักษาจิตใจที่โรงพยาบาลนิติจิตเวชโดยให้รายงานผลการรักษาต่อพนักงานคุมประพฤติ ๓ เดือนต่อครั้ง ภายในเวลาที่รอการ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า? ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เพียงเป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรคสอง ฐานฆ่าผู้อื่นจำคุก ๒ ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจำคุก ๑ ปี ยังไม่ถูกต้องเพราะจำเลยได้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญและฐานพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นการกระทำความผิด ในคราวเดียวต่อเนื่องเป็นหลายกรรมต่างกัน ต้องปรับบทลงโทษจำเลยประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรคสอง ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปด้วย และในความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสาม ยังไม่ถูกต้องที่ถูกจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสอง และศาลอุทธรณ์ภาค ๗ มิได้แก้ไข การปรับบทลงโทษแม้คู่ความจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐, ๓๙๒ และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ ทวิ วรรคสอง โดยทุกกระทงความผิดประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรคสอง ด้วย รวมจำคุก ๓ ปี ๕ เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๓ ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้โดยให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติและไปบำบัดรักษาจิตใจที่โรงพยาบาล นิติจิตเวชโดยให้รายงานผลการรักษาต่อพนักงานคุมประพฤติ ๓ เดือนต่อครั้ง ภายในเวลาที่รอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗