โจทก์ฟ้องว่า  โจทก์ทำสัญญารับเหมาปลูกสร้างอาคารโรงเรียนให้แก่นายมานพ  สุทธิเจริญ  ตกลงกันว่า  เมื่อโจทก์ปลูกสร้างเสร็จแล้ว  การมอบหมายจะทำเป็นลายลักษณ์อักษร  ต่อมาโจทก์ปลูกสร้างเสร็จยังไม่ทันส่งมอบให้นายมานพ  จำเลยอ้างตนว่าเป็นเจ้าของโรงเรียนพาณิชการมักกะสัน  และเป็นผู้ว่าจ้างนายมานพปลูกสร้าง  จึงฟ้องขอให้ขับไล่และให้ใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ
จำเลยให้การว่า  จำเลยจ้างเหมานายมานพให้ปลูกสร้างในที่ ๆ จำเลยมีสิทธิครอบครอง  โจทก์เป็นผู้รับเหมาช่วงจากนายมานพ  ต้องเรียกค่ารับเหมาจากนายมานพ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ฎีกาโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า  ที่จำเลยเข้าไปใช้อาคารพิพาทเป็นโรงเรียนนั้น  การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่  ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์  ในการที่โจทก์รับจ้างเหมาก่อสร้างอาคารกับนายมานพ  สุทธิเจริญนั้น  จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องรู้เห็นด้วย    จำเลยเป็นเพียงผู้จ้างเหมานายมานพ   สุทธิเจริญ  ก่อสร้างอาคารพิพาท  จึงเป็นคู่สัญญากับนายมานพ  สุทธิเจริญ  เท่านั้น  เมื่อนายมานพ  สุทธิเจริญ  คู่สัญญาของจำเลยได้มอบอาคารพิพาทซึ่งก่อสร้างในที่ดินซึ่งจำเลยเช่ามาให้แก่จำเลยเป็นลายลักษณ์อักษรตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาจ้างที่ทำไว้ต่อกัน  จึงเป็นการที่จำเลยได้รับมอบอาคารพิพาทไว้โดยชอบและย่อมเป็นเหตุให้จำเลยมีสิทธิที่จะใช้อาการพิพาทได้โดยชอบด้วยกฎหมาย  จำเลยไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์  และทำผิดสัญญาต่อโจทก์อย่างไร  และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย  จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายประการอื่นอีก  ฉะนั้น  การที่จำเลยเข้าใช้อาคารพิพาทจึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ด้วยประการใด ๆ ส่วนการที่นายมานพ  สุทธิเจริญ  จะได้ทำสัญญากับโจทก์เกี่ยวกับอาคารพิพาทไว้ประการใดนั้น  เป็นเรื่องระหว่างนายมานพกับโจทก์เท่านั้น  ไม่เกี่ยวข้องถึงจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก  เมื่อนายมานพทำผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์  โจทก์ก็ต้องฟ้องร้องว่ากล่าวเอาแก่นายมานพ
พิพากษายืน