โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นคนญวนอพยพและได้รับอนุญาตให้พักอาศัยอยู่ภายในเขตจังหวัดหนองคายเป็นการชั่วคราวได้หลบหนีออกจากเขตควบคุมจังหวัดหนองคายเข้ามาในกรุงเทพมหานคร อันเป็นการขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 จำคุก 10 วัน และปรับ 500 บาท โทษจำคุกรอไว้ 1 ปีไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่า บิดามารดาจำเลยมีเชื้อชาติและสัญชาติญวน จำเลยเกิดที่อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ทั้งบิดาและมารดาของจำเลยเป็นญวนอพยพ จำเลยได้ขึ้นทะเบียนเป็นญวนอพยพด้วย ได้รับอนุญาตให้พักอาศัยอยู่ภายในเขตจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นเขตควบคุมคนญวนอพยพ จำเลยมาอยู่ในกรุงเทพมหานครโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้ออกนอกเขตจังหวัดควบคุมหนองคาย ปัญหามีเพียงว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายพิเคราะห์แล้ว ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ประกาศ ณ วันที่13 ธันวาคม พุทธศักราช 2515 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนกับการไม่ให้สัญชาติไทยแก่บุคคลที่เกิดก่อนและหลังประกาศใช้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว เมื่อจำเลยมีบิดามารดาเป็นคนญวนอพยพและจำเลยเกิดในราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ. 2494 ตามเอกสารหมาย ล.1 จำเลยจึงถูกเพิกถอนสัญชาติไทยไปแล้ว ตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวแล้วจำเลยจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายเสียก่อนจึงออกนอกเขตจังหวัดหนองคายได้ เมื่อจำเลยออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว จำเลยจึงย่อมมีความผิดตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ว่าจำเลยมีสัญชาติไทยและการตรากฎหมายย้อนหลังกระทำไม่ได้นั้นฟังไม่ขึ้น..."
พิพากษายืน.