โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 541,666 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 500,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ทั้งสี่และจำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 กันยายน 2533 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสี่ ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 41,666 บาท กับให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่สืบพยานโจทก์ทั้งสี่จนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาล ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อพิพากษาคดีใหม่
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
ระหว่างพิจารณาโจทก์ที่ 4 ถึงแก่กรรม นายเงียดทายาทของโจทก์ที่ 4 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่นายมานพและนางบุญเสริมได้ร่วมกันทำสัญญากู้ยืมเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 500,000 บาท โดยโจทก์ทั้งสี่ได้ทำสัญญาค้ำประกันและจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดที่ 722 ของโจทก์ทั้งสี่เป็นประกันหนี้ ต่อมาจำเลยมอบโฉนดที่ดินของจำเลยเลขที่ 10019 และ 10020 ให้โจทก์ทั้งสี่ยึดถือเป็นประกันในการที่นายมานพได้จำนองที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ และจำเลยได้ทำสัญญากู้กับโจทก์ทั้งสี่ตามเอกสารหมาย จ. 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 550/2538 ของศาลชั้นต้นนั้น สัญญากู้ที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เป็นสัญญาที่จำเลยทำให้ไว้แก่โจทก์ทั้งสี่เนื่องจากการที่โจทก์ทั้งสี่จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันการที่นายมานพกับนางบุญเสริมร่วมกันกู้ยืมเงินจากธนาคาร กล่าวคือหากโจทก์ทั้งสี่ต้องชำระหนี้แก่ธนาคารแล้ว จำเลยก็จะต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสี่ตามสัญญากู้ โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2534 โดยยังไม่ได้ชำระหนี้ตามภาระการค้ำประกันแก่ธนาคารอันเนื่องจากมูลหนี้ของนายมานพกับนางบุญเสริมผู้กู้ จำเลยจึงยังไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ตามสัญญากู้เอกสารหมาย จ. 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 550/2538 ของศาลชั้นต้น ดังนั้นในขณะที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยคดีนี้ โจทก์ทั้งสี่ยังไม่มีอำนาจฟ้อง ที่โจทก์ทั้งสี่ฎีกาว่า คดีของโจทก์ทั้งสี่มิใช่เรื่องที่โจทก์ทั้งสี่ไล่เบี้ย แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ทั้งสี่ต้องนำเงินจำนวน 500,000 บาท จากจำเลยไปไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 722 จากธนาคาร เนื่องจากจำเลยตกลงว่าจำเลยจะไถ่ถอนจำนองที่ดินดังกล่าวแล้วคืนโฉนดนั้นแก่โจทก์ทั้งสี่ภายใน 6 เดือน ไม่เช่นนั้นจำเลยก็จะต้องนำเงินจำนวน 500,000 บาท มอบแก่โจทก์ทั้งสี่เพื่อโจทก์ทั้งสี่นำเงินไปไถ่ถอนจำนอง จึงเป็นเรื่องฟ้องขอให้จำเลยทำตามสัญญา เห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นคำมั่นว่าจะให้ เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่มีผลผูกพันจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 526 โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าว และเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.